إعدادات العرض
"เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มคนที่กล่าวว่าอย่างนั้นอย่างนี้? แต่สำหรับฉัน, ฉันละหมาดและฉันก็นอน,…
"เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มคนที่กล่าวว่าอย่างนั้นอย่างนี้? แต่สำหรับฉัน, ฉันละหมาดและฉันก็นอน, ฉันถือศีลอดและฉันก็ละศีลอด, และฉันแต่งงานกับผู้หญิง ดังนั้นผู้ใดที่ไม่พอใจกับสุนนะฮ์ของฉัน เขาก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งจากฉัน
จากอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า: มีกลุ่มหนึ่งจากบรรดาสหายของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ถามภรรยาของท่านนบีเกี่ยวกับการปฎิบัติตนของท่านนบีในขณะที่ผู้คนภายนอกไม่ได้รู้เห็น (หลังจากพวกเขาทราบแล้ว) แล้วบางคนจากพวกเขากล่าวว่า: "ฉันจะไม่แต่งงานกับผู้หญิง" อีกคนหนึ่งกล่าวว่า: "ฉันจะไม่กินเนื้อสัตว์" และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า: "ฉันจะไม่นอนบนที่นอน" เมื่อท่านนบีทราบเรื่อง ท่านได้กล่าวสรรเสริญอัลลอฮ์และยกย่องพระองค์ จากนั้นจึงกล่าวว่า: "เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มคนที่กล่าวว่าอย่างนั้นอย่างนี้? แต่สำหรับฉัน, ฉันละหมาดและฉันก็นอน, ฉันถือศีลอดและฉันก็ละศีลอด, และฉันแต่งงานกับผู้หญิง ดังนั้นผู้ใดที่ไม่พอใจกับสุนนะฮ์ของฉัน เขาก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งจากฉัน"
الترجمة
العربية বাংলা Bosanski English Español فارسی Français Bahasa Indonesia Русский Tagalog Türkçe اردو 中文 हिन्दी Kurdî Português සිංහල Kiswahili অসমীয়া Tiếng Việt ગુજરાતી Nederlands አማርኛ Hausa മലയാളം Românăالشرح
มีกลุ่มหนึ่งจากบรรดาเศาะหาบะฮ์ (รอดิยัลลอฮุ อันฮุม) เดินทางมายังบ้านของภรรยาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการทำอิบาดะฮ์ของท่านนบีในเรื่องส่วนตัวภายในบ้าน เมื่อพวกเขาได้รับคำตอบ พวกเขารู้สึกว่าการปฏิบัตินั้นดูเหมือนจะน้อยไป แล้วพวกเขากล่าวว่า:... แล้วพวกเราจะเปรียบเทียบกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้อย่างไร? เพราะท่านนั้นได้รับการอภัยโทษสำหรับบาปที่ผ่านมาของท่านและบาปที่ตามมาภายหลังแล้ว ต่างจากผู้ที่ไม่รู้ว่าเขาจะได้รับการอภัยโทษหรือไม่ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามอย่างมากในการอิบาดะฮ์ เพื่อหวังว่าจะได้รับการอภัยโทษนั้น แล้วบางคนจากพวกเขาก็กล่าวว่า: ฉันจะไม่แต่งงานกับผู้หญิง อีกคนหนึ่งกล่าวว่า: ฉันจะไม่กินเนื้อสัตว์ และอีกคนกล่าวว่า: ฉันจะไม่นอนบนเตียง เมื่อเรื่องนี้ไปถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ท่านรู้สึกไม่พอใจ และได้กล่าวคุตบะฮ์แก่ผู้คน โดยท่านเริ่มต้นด้วยการสรรเสริญและยกย่องอัลลอฮ์ จากนั้นกล่าวว่า: "เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มคนเหล่านี้ที่พูดอย่างนั้นอย่างนี้? ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ แท้จริงฉันเป็นผู้ที่ยำเกรงต่ออัลลอฮ์มากที่สุดในหมู่พวกเจ้า และเป็นผู้ที่สำรวมตนต่อพระองค์มากที่สุด แต่ฉันก็นอนเพื่อให้มีพละกำลังสำหรับการละหมาดกลางคืน ฉันละศีลอดเพื่อให้มีกำลังสำหรับการถือศีลอด และฉันแต่งงานกับผู้หญิง ดังนั้นผู้ใดที่ปฏิเสธวิถีทางของฉัน และมองว่าความสมบูรณ์อยู่ในสิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้ และปฏิบัติตามแนวทางของผู้อื่น เขาก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งจากฉัน"فوائد الحديث
ความรักของบรรดาเศาะหาบะฮ์ (รอดิยัลลอฮุ อันฮุม) ต่อความดีงาม และความปรารถนาของพวกเขาที่จะทำความดี รวมถึงการเจริญรอยตามแบบอย่างของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม.
ความเรียบง่ายและความง่ายดายของบทบัญญัตินี้ ซึ่งนำมาจากแบบอย่างและการปฏิบัติของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ความดีงามและความจำเริญอยู่ที่การปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และปฏิบัติตามบริบทของท่านอันทรงเกียรติ
ห้ามมิให้ตนเองเคร่งเครียดในการทำอิบาดะฮ์มากเกินกว่าที่ตนเองจะทนได้ และนี่คือกรณีของผู้ที่ทำอุตริกรรมในศาสนา
อิบนุฮะญัรกล่าวว่า: การยึดมั่นในความเข้มงวดเกินไปในการทำอิบาดะฮฺ (การปฏิบัติศาสนกิจ) นำไปสู่ความเหนื่อยหน่าย ซึ่งอาจตัดขาดจากรากฐานของการอิบาดะฮฺโดยสิ้นเชิง และการยึดติดกับการปฏิบัติแต่เพียงข้อบังคับ และการละทิ้งสุนนะฮฺ (การปฏิบัติเสริม) อาจนำไปสู่ความเกียจคร้านและไม่กระตือรือร้นในการทำอิบาดะฮฺ และทางที่ดีที่สุดคือทางสายกลางในทุกสิ่ง.
ในเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงการติดตามศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของผู้ใหญ่ (อัลอะกาบิร) เพื่อเอาการกระทำของพวกเขา เป็นแบบอย่างและเมื่อไม่สามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้จากบุรุษได้ ก็อนุญาตให้ค้นหาความรู้นั้นจากสตรีได้.
ในหะดีษนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตักเตือน การสอนประเด็นปัญหาทางวิชาความรู้ และการอธิบายบทบัญญัติแก่ผู้ที่มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ (มุกัลลัฟ) รวมถึงการขจัดความคลุมเครือหรือข้อสงสัยให้แก่ผู้ที่ใช้ความพยายามในการศึกษาหาความรู้ (มุจตะฮิด).
คำสั่งให้ปฏิบัติศาสนกิจด้วยความนุ่มนวลและความพอเหมาะพอควร พร้อมทั้งรักษาการปฏิบัติในสิ่งที่เป็นข้อบังคับ (ฟะรออิฎ) และการปฏิบัติเสริม (นะวาฟิ้ล) เพื่อให้มุสลิมคำนึงถึงสิทธิของเขาที่ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่น
ในหะดีษนี้ชี้ให้เห็นถึงความประเสริฐของการแต่งงานและการสนับสนุนให้แต่งงาน