إعدادات العرض
พวกเจ้ารู้ไหมว่าพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าได้กล่าวไว้อย่างไร?" พวกเขาตอบว่า…
พวกเจ้ารู้ไหมว่าพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าได้กล่าวไว้อย่างไร?" พวกเขาตอบว่า "อัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์เท่านั้นที่รู้ดียิ่ง" ท่านกล่าวต่อว่า "พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า: "ส่วนหนึ่งจากบ่าวของข้าตื่นขึ้นมามีทั้งผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธศรัทธา
จากท่าน ซัยด์ บิน คอลิด อัลญุฮะนีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า : ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้นำพวกเราละหมาดซุบฮ์ที่ ฮุดัยบียะฮ์ ขณะที่ยังมีร่องรอยของฝนที่ตกลงมาลงเมื่อคืน เมื่อละหมาดเสร็จแล้วท่านก็หันหน้ามาหาผู้คน แล้วกล่าวว่า "พวกเจ้ารู้ไหมว่าพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าได้กล่าวไว้อย่างไร?" พวกเขาตอบว่า "อัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์เท่านั้นที่รู้ดียิ่ง" ท่านกล่าวต่อว่า "พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า: "ส่วนหนึ่งจากบ่าวของข้าตื่นขึ้นมามีทั้งผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธศรัทธา โดยผู้ใดกล่าวว่าฝนที่ตกแก่พวกเราด้วยความโปรดปรานและความเมตตาของอัลลอฮ์ นั่นแหละคือผู้ศรัทธาต่อข้าและปฏิเสธการศรัทธาต่อดวงดาว ส่วนผู้ที่กล่าวว่าฝนที่ตกลงมาด้วยอิทธิพลของดาวดวงนั้นดวงนี้ นั้นแหละเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อข้า แต่เป็นผู้ศรัทธาต่อดวงดาว”
الترجمة
العربية English မြန်မာ Svenska Čeština ગુજરાતી አማርኛ Yorùbá Nederlands اردو Español Bahasa Indonesia ئۇيغۇرچە বাংলা Türkçe Bosanski සිංහල हिन्दी Tiếng Việt Kurdî Hausa മലയാളം తెలుగు Kiswahili پښتو অসমীয়া Shqip دری Ελληνικά Български Fulfulde Italiano ಕನ್ನಡ Кыргызча Lietuvių Malagasy or Română Kinyarwanda Српски тоҷикӣ O‘zbek नेपाली Moore Oromoo Wolof Soomaali Tagalog Français Azərbaycan Українська bm தமிழ் Deutsch ქართული Português Македонски Magyar فارسی Русский 中文الشرح
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะสัลลัม ทำการละหมาดซุบฮ์ที่ฮุดัยบิยะฮ์ -เป็นเมืองๆ หนึ่งที่ใกล้กับเมืองมักกะฮ์- หลังจากที่ฝนตกในคืนนั้น หลังจากการให้สลามและเสร็จจากการละหมาด ท่านก็หันหน้าเข้าหาผู้คน แล้วถามพวกเขาว่า "พวกเจ้ารู้ใหมว่า พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าได้กล่าวไว้อย่างไร? พวกเขาตอบว่า "อัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์เท่านั้นทรงรู้ดียิ่ง" ท่านกล่าวว่า "แท้จริงอัลลอฮ์ ตะอาลา ได้อธิบายว่า มนุษย์แตกออกเป็นสองกลุ่มเมื่อฝนตก : กลุ่มหนึ่งศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา และอีกกลุ่มปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์ ตะอาลา ส่วนผู้กล่าวว่า "ฝนที่ตกแก่พวกเรานั้น ด้วยความโปรดปรานและความเมตตาของอัลลอฮ์ โดยการระบุแหล่งที่มาของฝนนั่นมาจากอัลลอฮ์ ดังนั้นพวกเขาคือผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ พระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงจัดการทุกสิ่งในจักรวาล และเป็นผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธาต่อดวงดาว ส่วนผู้ที่กล่าวว่า "ฝนที่ตกลงมานั้นด้วยอิทธิพลของดาวดวงนั้นดวงนี้ นั้นแหละเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์ แต่เป็นผู้ศรัทธาต่อดวงดาว ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิเสธชนิดเล็ก โดยการอ้างว่าแหล่งที่มาของฝนนั้นคือดวงดาว และอัลลอฮ์ไม่ได้สร้างให้มันเป็นเหตุทั้งทางศาสนา และทางการกำหนดสภาวการณ์ ส่วนผู้ที่ถือว่าฝนและเหตุการณ์ทางโลกอื่น ๆ มาจากการเคลื่อนที่ของดวงดาวทั้งที่ขึ้นและที่ตก โดยเชื่อว่าดวงดาวเหล่านั้นเป็นผู้ก่อให้เกิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาผู้นั้นเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาที่เป็นการปฏิเสธที่ใหญ่หลวง (บาปใหญ่)فوائد الحديث
ส่งเสริมให้กล่าวหลังฝนตกว่า "ฝนที่ตกแก่พวกเรานั้น ด้วยความโปรดปรานและความเมตตาของอัลลอฮ์"
ผู้ใดยึดถือว่าฝนที่ตกลงมาและสิ่งอื่น ๆ เกิดขึ้นเพราะดวงดาวทั้งการสร้างและการทำให้เกิดขึ้น เขาผู้นั้นเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นการปฏิเสธที่ใหญ่หลวง (บาปใหญ่) และหากเขายึดมั่นว่ามันเป็นสาเหตุ เขาก็เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นการปฏิเสธเล็ก (บาปเล็ก) เพราะดวงดาวนั้น ไม่ใช่สาเหตุจะด้วยเหตุผลทางศาสนาหรือเหตุผลทางความรู้สึกนึกคิด
ความสุขความสำราญนั้นอาจเป็นเหตุของการปฏิเสธศรัทธาได้ หากไม่มีการสำนึกในความกรุณา และเป็นเหตุของการศรัทธาหากมีได้สำนึกในความกรุณาของอัลลอฮ์
ไม่อนุญาตให้กล่าวว่า "ฝนที่ตกลงมาแก่เรานั้น เพราะดาวดวงนั้น" แม้จะมีเจตนาว่า "เวลา" เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการตั้งภาคี
จำเป็นต้องให้หัวใจนั้นมีความสัมพันธ์กับอัลลอฮ์ ตะอาลา ทั้งในยามที่ได้รับความโปรดปราณจากพระองค์ และในยามที่ได้รับการปกป้องจากความกริ้วของพระองค์