إعدادات العرض
อัลลอฮ์จะรวบรวมมนุษย์ทั้งคนกลุ่มแรกและกลุ่มสุดท้ายไว้ในสถานที่แห่งหนึ่ง ทุกคนจะได้ยินเสียงผู้เรียก…
อัลลอฮ์จะรวบรวมมนุษย์ทั้งคนกลุ่มแรกและกลุ่มสุดท้ายไว้ในสถานที่แห่งหนึ่ง ทุกคนจะได้ยินเสียงผู้เรียก และสายตาจะมองเห็นพวกเขาได้ทั้งหมด พระอาทิตย์จะเข้าใกล้ จนผู้คนจะรู้สึกทุกข์ทรมานและกังวลใจจนเกินจะทนได้
จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: "แท้จริงท่านเราะซูลุลลอฮฺ ﷺ ได้รับเนื้อมา และเนื้อส่วนต้นขา (ذراع) ถูกนำมาถวายต่อท่าน ซึ่งเป็นส่วนที่ท่านชอบทาน แล้วท่านได้กัดเนื้อนั้นหนึ่งคำ (نهشة) จากนั้นท่านกล่าวว่า:" "ฉันคือนายของมนุษย์ในวันกิยามะฮ์ (วันพิพากษา) และพวกท่านรู้หรือไม่ว่าหมายถึงอะไร? อัลลอฮ์จะรวบรวมมนุษย์ทั้งคนกลุ่มแรกและกลุ่มสุดท้ายไว้ในสถานที่แห่งหนึ่ง ทุกคนจะได้ยินเสียงผู้เรียก และสายตาจะมองเห็นพวกเขาได้ทั้งหมด พระอาทิตย์จะเข้าใกล้ จนผู้คนจะรู้สึกทุกข์ทรมานและกังวลใจจนเกินจะทนได้ ผู้คนจึงพูดกันว่า: "พวกท่านไม่เห็นหรือว่าเรามาถึงจุดนี้แล้ว? ทำไมจึงไม่มีใครช่วยเราทูลขอความเมตตาต่อพระจ้าของเรา?" จากนั้นบางคนจึงกล่าวแก่กันว่า: "ไปหาอาดัมเถิด" พวกเขาจึงไปหาอาดัม อะลัยฮิสลาม และพูดกับเขาว่า: "ท่านคือบิดาแห่งมนุษย์ อัลลอฮ์ทรงสร้างท่านด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ เป่าลมหายใจของพระองค์ให้มีชีวิตในตัวท่าน และสั่งบรรดามลาอิกะฮ์ให้ก้มสูญูดต่อท่าน ขอท่านได้ช่วยวิงวอนขอต่อพระเจ้าของท่านให้กับเรา ท่านไม่เห็นหรือว่าเราอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?" อาดัม อะลัยฮิสลาม ตอบว่า: "พระเจ้าของฉันทรงโกรธในวันนี้อย่างที่ไม่เคยโกรธเช่นนี้มาก่อน และจะไม่โกรธเช่นนี้อีกในภายหลัง ฉันเคยฝ่าฝืนพระบัญชาของพระองค์ด้วยการกินผลไม้จากต้นไม้ที่ถูกห้าม ขอให้พวกท่านไปหาผู้อื่น ไปหานู้ฮ์เถิด" พวกเขาจึงไปหานูฮฺ และพูดว่า: "โอ้ นูฮฺ ท่านเป็นเราะสูลคนแรกที่ถูกส่งมายังโลก และพระองค์ได้เรียกท่านว่าเป็นบ่าวผู้สำนึกบุญคุณ ขอท่านได้ช่วยวิงวอนขอต่อพระเจ้าของท่านให้กับเรา ท่านไม่เห็นหรือว่าเราอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?" นูฮฺ อะลัยฮิสลาม ตอบว่า: "พระเจ้าของฉันทรงโกรธในวันนี้อย่างที่ไม่เคยโกรธเช่นนี้มาก่อน และจะไม่โกรธเช่นนี้อีกในภายหลัง ฉันเคยวิงวอนสาปแช่งต่อกลุ่มชนของฉัน ขอให้พวกท่านไปหาผู้อื่น ไปหาอิบราฮีมเถิด" พวกเขาจึงไปหาอิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม และพูดว่า: "โอ้ อิบรอฮีม ท่านเป็นนบีของอัลลอฮ์และเป็นคนสนิทของพระองค์บนโลกนี้ ขอท่านได้ช่วยวิงวอนขอต่อพระเจ้าของท่านให้กับเรา ท่านไม่เห็นหรือว่าเราอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?" อิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม ตอบว่า: "พระเจ้าของฉันทรงโกรธในวันนี้อย่างที่ไม่เคยโกรธเช่นนี้มาก่อน และจะไม่โกรธเช่นนี้อีกในภายหลัง ฉันเคยพูดโกหกสามครั้ง ขอให้พวกท่านไปหาผู้อื่น ไปหามูซาเถิด" พวกเขาจึงไปหามูซา อะลัยฮิสลาม และพูดว่า:" โอ้ มูซา ท่านเป็นเราะสูลของอัลลอฮ์ และพระองค์ได้ยกย่องท่านด้วยการส่งสาส์นให้แก่ท่านและตรัสกับท่าน ขอท่านได้ช่วยวิงวอนขอต่อพระเจ้าของท่านให้กับเรา ท่านไม่เห็นหรือว่าเราอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?" มูซา อะลัยฮิสลาม ตอบว่า:"พระเจ้าของฉันทรงโกรธในวันนี้อย่างที่ไม่เคยโกรธเช่นนี้มาก่อน และจะไม่โกรธเช่นนี้อีกในภายหลัง ฉันเคยฆ่าคนที่ฉันไม่ได้รับคำสั่งให้ฆ่า ขอให้พวกท่านไปหาผู้อื่น ไปหาอีซาเถิด" พวกเขาจึงไปหาอีซา อะลัยฮิสลาม และพูดว่า: "โอ้ อีซา ท่านเป็นเราะสูลของอัลลอฮ์ คำตรัสของพระองค์ที่พระองค์ทรงให้แก่มัรยัม และเป็นจิตวิญญาณจากพระองค์ ท่านได้พูดกับผู้คนตั้งแต่ยังอยู่ในเปล ท่านไม่เห็นหรือว่าเราอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?" อีซา อะลัยฮิสลาม ตอบว่า: "พระเจ้าของฉันทรงโกรธในวันนี้อย่างที่ไม่เคยโกรธเช่นนี้มาก่อน และจะไม่โกรธเช่นนี้อีกในภายหลัง แต่เขาไม่ได้กล่าวถึงความผิดบาปใด ๆ ขอให้พวกท่านไปหาผู้อื่น ไปหามุฮัมมัดเถิด" พวกเขาจึงไปหามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และพูดว่า: 'โอ้ มุฮัมมัด ท่านเป็นร่อซูลของอัลลอฮ์ และเป็นนบีคนสุดท้าย พระองค์ทรงอภัยให้แก่ท่านทั้งความผิดที่ผ่านไปและความผิดที่อาจเกิดในภายหลัง ขอท่านได้ช่วยวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านให้กับเรา ท่านไม่เห็นหรือว่าเราอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?' ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: 'ฉันจึงเดินไปยังใต้บัลลังก์ของอัลลอฮ์ และก้มลงสูญูดต่อพระองค์ จากนั้น พระองค์จะทรงเปิดเผยคำสรรเสริญที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน และพระองค์จะตรัสว่า: "โอ้ มุฮัมมัด จงเงยหน้าขึ้นขอเถิด แล้วจะได้รับ และจงวิงวอน แล้วจะได้รับการตอบรับ" ฉันจึงเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า: "ประชาชาติของฉัน โอ้ พระเจ้า ประชาชาติของฉัน โอ้ พระเจ้า ประชาชาติของฉัน โอ้ พระเจ้า" พระองค์จะตรัสว่า: 'โอ้ มุฮัมมัด จงพาคนในประชาชาติของเจ้าที่ไม่มีการสอบสวนเข้าไปยังประตูขวาสุดของสวรรค์ และพวกเขาจะเข้าไปในประตูอื่น ๆ ร่วมกับคนอื่น ๆ' และท่านกล่าวต่อไปว่า: 'ขอสาบานต่อพระผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ความกว้างระหว่างประตูสวรรค์สองบานนั้นเทียบเท่ากับระยะทางระหว่างมักกะฮ์ถึงฮิมยัร หรือระหว่างมักกะฮ์ถึงบุสรอ'"
الترجمة
العربية Bosanski English فارسی Français Bahasa Indonesia Русский اردو 中文 हिन्दी Tiếng Việt Español Kurdî Português සිංහල Kiswahili অসমীয়া ગુજરાતી Nederlands አማርኛ Hausa മലയാളം Românăالشرح
ครั้งหนึ่ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อยู่กับบรรดาสาวกของท่านในงานเลี้ยงอาหาร ได้มีการนำส่วนขาหน้าของแพะมายังท่าน ซึ่งเป็นส่วนที่ท่านโปรดปรานที่สุดในบรรดาเนื้อของมัน ท่านได้กัดมันด้วยปลายฟันของท่าน จากนั้นท่านได้กล่าวแก่พวกเขาว่า: ฉันคือนายของลูกหลานอาดัมในวันกิยามะฮ์ (วันพิพากษา) และการกล่าวเช่นนี้เป็นการบอกเล่าถึงความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่ง จากนั้นท่านกล่าวต่อว่า: “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งนั้นคืออะไร?” ท่านกล่าวว่า: “ในวันกิยามะฮ์ ผู้คนจะถูกรวบรวมไว้ในดินแดนกว้างใหญ่ที่ราบเรียบและทอดยาวสุดสายตา โดยทุกคนที่อยู่ในดินแดนนั้นจะได้ยินเสียงเรียก และจะมองเห็นกันและกันอย่างชัดเจน ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากสายตาผู้มอง เนื่องจากพื้นดินราบเรียบ ไม่มีสิ่งใดปกปิดตัวบุคคลจากสายตาผู้อื่นได้ และสายตาจะมองทะลุถึงกันทั้งหมด หมายความว่า หากมีผู้พูดขึ้น คนที่อยู่ไกลที่สุดก็จะได้ยิน และทุกคนจะสามารถมองเห็นกันได้ ดวงอาทิตย์จะเข้ามาใกล้สิ่งถูกสร้าง (มนุษย์) ในระยะเพียงหนึ่งไมล์และผู้คนจะได้รับความทุกข์และความอึดอัดที่พวกเขาไม่อาจทนได้หรือรับไหว จากนั้นพวกเขาจะพยายามแสวงหาความช่วยเหลือเพื่อปลดปล่อยตัวเองผ่านการวิงวอน (ชะฟาอะฮ์).” แล้วอัลลอฮ์ ผู้ทรงเกียรติและผู้ทรงสูงส่ง ก็ดลใจให้บรรดาผู้ศรัทธาไปหาอาดัม บิดาแห่งมนุษย์ พวกเขาจึงไปหาอาดัมและกล่าวถึงความประเสริฐของเขา หวังว่าเขาอาจวิงวอน (ชะฟาอะฮ์) ให้กับพวกเขาต่ออัลลอฮ์ ผู้ทรงเกียรติและผู้ทรงสูงส่ง พวกเขาจะกล่าวว่า: "ท่านคืออาดัม บิดาแห่งมนุษยชาติ อัลลอฮ์ได้สร้างท่านด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง และทรงให้มลาอิกะฮ์ของพระองค์ก้มกราบต่อท่าน ทรงสอนท่านให้รู้จักชื่อของทุกสิ่ง และทรงเป่าลมหายใจจากพระองค์เข้าสู่ท่าน" แต่อาดัมจะปฏิเสธและกล่าวว่า: "แท้จริง พระเจ้าของฉันทรงกริ้วในวันนี้ ด้วยความกริ้วที่ไม่เคยมีมาก่อน และจะไม่มีอีกต่อไปในภายหลัง" จากนั้นเขาจะกล่าวถึงความผิดพลาดของเขา ซึ่งก็คือ การที่อัลลอฮ์ทรงห้ามเขากินผลไม้จากต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่เขาก็ได้กินมัน และเขาจะกล่าวว่า: "จิตวิญญาณของฉันต่างหากที่สมควรได้รับการวิงวอนเพื่อช่วยเหลือ ไปหาคนอื่นเถิด ไปหานูฮฺเถิด" ดังนั้นพวกเขาจึงมาหานูหฺ และกล่าวว่า: "ท่านคือศาสนทูตคนแรกที่อัลลอฮ์ส่งมายังชาวโลก และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงตั้งชื่อท่านว่า "บ่าวผู้กตัญญู" แต่ท่านปฏิเสธและกล่าวว่า: "แท้จริงในวันนี้อัลลอฮ์ทรงพิโรธอย่างที่ไม่เคยพิโรธมาก่อน และจะไม่พิโรธเช่นนี้อีกในภายหลัง และแท้จริงท่านนบีนูหฺ เคยมีคำวิงวอน (ดุอาอ์) ที่ได้วิงวอนขอต่ออัลลอฮ์เพื่อลงโทษประชาชาติของท่าน ท่านจึงกล่าวว่า : ชีวิตของข้าพเจ้าเองต่างหากที่สมควรต้องได้รับการขอให้ได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้นจงไปหาผู้อื่นเถิด ไปหาอิบราฮิม (นบีอิบราฮิม) แทนเถิด" ดังนั้นพวกเขาจึงมาหาอิบรอฮีมและกล่าวว่า: "ท่านคือคอลีลุลลอฮ์(ผู้เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮ์) บนโลกนี้ ได้โปรดช่วยวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของท่านให้แก่พวกเราด้วยเถิด ท่านไม่เห็นหรือว่าเราอยู่ในสภาพเช่นไร?!" ท่านนบีอิบรอฮีมจึงตอบพวกเขาว่า: "แท้จริงพระเจ้าของข้าพเจ้าได้พิโรธในวันนี้อย่างที่ไม่เคยพิโรธมาก่อน และจะไม่พิโรธเช่นนี้อีกในภายหลัง และแท้จริงข้าพเจ้าเคยกล่าวคำเท็จสามครั้ง ซึ่งได้แก่: 1.คำกล่าวของข้าพเจ้าที่ว่า ‘แท้จริงข้าพเจ้าป่วย’ (เพื่อปฏิเสธการเข้าร่วมบูชารูปปั้น) 2.คำกล่าวที่ว่า ‘รูปปั้นองค์ใหญ่เป็นผู้ทำลายรูปปั้นเหล่านี้’ (เพื่อชี้นำให้พวกเขาตระหนักถึงความไม่มีพลังของรูปปั้น) 3.การบอกกับภรรยาของเขาที่ชื่อ ซาเราะฮ์ ให้กล่าวว่า ‘บอกเขาเถิดว่าท่านนบีอิบรอฮีมเป็นน้องชายของนาง เพื่อปกป้องอันตรายที่จะเกิดขึ้น ความจริงก็คือ คำกล่าวทั้งสามนั้นเป็นเพียง "คำพูดอ้อม" (ที่มีนัยซ่อนเร้น) แต่เนื่องจากรูปลักษณ์ของคำพูดเหล่านั้นดูเหมือนคำเท็จ นบีอิบราฮิมจึงรู้สึกหวั่นเกรงและถ่อมตนต่ออัลลอฮ์ ด้วยการมองว่าตนไม่คู่ควรแก่การวิงวอนขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น (ชะฟาอะฮ์) เพราะผู้ที่รู้จักอัลลอฮ์มากที่สุดและใกล้ชิดพระองค์ที่สุด ย่อมมีความหวั่นเกรงอย่างยิ่ง ท่านจึงกล่าวว่า: "ชีวิตของข้าพเจ้าต่างหากที่สมควรจะได้รับการขออภัย (ชะฟาอะฮ์) ดังนั้นจงไปหาผู้อื่นเถิด ไปหามูซา (นบีมูซา) แทนเถิด" ดังนั้นพวกเขาจึงมาหามูซาและกล่าวว่า: โอ้ มูซา! ท่านคือศาสนทูตของอัลลอฮ์ อัลลอฮ์ทรงโปรดปรานคุณด้วยสาสน์และถ้อยคำของพระองค์เหนือมนุษย์คนอื่น โปรดวิงวอนขอความช่วยเหลือแก่เราจากพระเจ้าของเจ้า เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเราเป็นอย่างไร? เขาจะกล่าวว่า: แท้จริงพระเจ้าของฉัน ผู้ทรงอำนาจและยิ่งใหญ่ ทรงกริ้วในวันนี้อย่างที่ไม่เคยทรงโกรธมาก่อน และพระองค์จะไม่ทรงกริ้วเหมือนพระองค์อีกหลังจากนี้ แท้จริงฉันนั้นได้ฆ่าชีวิตหนึ่งซึ่งฉันไม่ได้รับคำสั่งให้ฆ่า ดังนั้นตัวของฉันคือผู้ที่สมควรได้รับการวิงวอนขอความช่วยเหลือ จงไปหาคนอื่นเถิด จงไปหาอีซา บิน มัรยัมเถิด ดังนั้นพวกเขาจึงมาหาอีซาและกล่าวว่า “โอ้ อีซา ท่านเป็นศาสนทูตของพระเจ้า และพระวจนะของพระองค์ได้ถูกประทานแก่มัรยัมและวิญญาณจากพระองค์ และท่านได้พูดกับผู้คนตอนที่อยู่ในเปลเมื่อยังเป็นเด็ก โปรดวิงวอนขอความช่วยเหลือแก่เราจากพระเจ้าของเจ้า เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเราเป็นอย่างไร? เขาจะกล่าวว่า: แท้จริงพระเจ้าของฉัน ผู้ทรงอำนาจและยิ่งใหญ่ ทรงกริ้วในวันนี้อย่างที่ไม่เคยทรงโกรธมาก่อน และพระองค์จะไม่ทรงกริ้วเหมือนพระองค์อีกหลังจากนี้ และท่านไม่ได้กล่าวถึงบาปใด ๆ เลย ตัวของฉันคือผู้ที่สมควรได้รับการวิงวอนขอความช่วยเหลือ จงไปหาคนอื่นเถิด จงไปหามุฮัมหมัดเถิด ดังนั้นพวกเขาจึงมาหามุฮัมหมัดและกล่าวว่า: โอ้ มูฮัมหมัด เจ้าคือศาสนทูตของพระเจ้าและเป็นศาสดาท่านสุดท้าย และอัลลอฮ์ได้ทรงอภัยโทษบาปของเจ้าทั้งในอดีตและอนาคตแด่เจ้าแล้ว โปรดวิงวอนขอความช่วยเหลือแก่เราจากพระเจ้าของเจ้า เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเราเป็นอย่างไร? ดังนั้นฉันจึงเข้าไปอยู่ใต้บัลลังก์ และกราบลงต่อพระเจ้าของฉัน ผู้ทรงอำนาจ แล้วอัลลอฮ์จะทรงประทานการสรรเสริญของพระองค์และการสรรเสริญอันดีแก่ฉัน ซึ่งพระองค์ไม่ได้ทรงประทานแก่ผู้ใดก่อนหน้าฉัน แล้วมีเสียงกล่าวว่า: โอ้ มูฮัมหมัด โปรดหงายหน้าขึ้นเถิด จงขอแล้วเจ้าจะได้รับมัน และจงขอความช่วยเหลือ ท่านจะได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้นฉันจึงเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า: ประชาชาติของฉัน โอ้ พระเจ้า ประชาชาติของฉัน โอ้ พระเจ้า ประชาชาติของฉัน โอ้ พระเจ้า และการวิงวอนขอของท่านนบีมุฮัมหมัดได้รับการตอบรับ และจะมีเสียงกล่าวแก่เขา (นบีมุฮัมมัด): "โอ้ มุฮัมมัด! จงนำสมาชิกในประชาชาติของท่านที่ไม่ต้องถูกสอบสวนเข้าสู่ประตูด้านขวาของประตูสวรรค์ และพวกเขาจะได้ร่วมกับผู้คนอื่น ๆ ในการเข้าสู่ประตูอื่น ๆ ด้วย." จากนั้นท่าน (นบีมุฮัมมัด) กล่าวต่อว่า: "ขอสาบานด้วยพระนามของผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริง ความกว้างระหว่างด้านทั้งสองของประตูแห่งประตูสวรรค์นั้น เท่ากับระยะทางระหว่างมักกะฮ์และซ็อนอาอ์ในเยเมน หรือระหว่างมักกะฮ์และบุศรอในชาม (ซีเรีย) ซึ่งเป็นเมืองในแคว้นเฮารอน."فوائد الحديث
ความอ่อนน้อมถ่อมตนของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในการตอบรับคำเชิญ และการร่วมรับประทานอาหารกับบรรดาเศาะฮาบะฮ์ของเขา
ความประเสริฐของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เหนือมวลมนุษย์ทั้งหลาย
ขณะที่ท่านกอดีย์ อิยาด กล่าวไว้ว่า: "มีคนกล่าวว่า 'ซัยยิด' คือผู้นำที่เหนือกว่าประชาชนของตน และผู้ที่ทุกคนจะหันไปหาหากประสบปัญหาหรือความยากลำบาก และนบีมุฮัมมัด صلى الله عليه وسلم คือ 'ซัยยิด' ของพวกเขาทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า โดยเฉพาะในวันกิยามะฮ์ ซึ่งเป็นวันที่การเป็นผู้นำของท่านจะสูงขึ้นและได้รับการยอมรับจากทุกคน โดยทุกคนจะยอมรับท่านและยอมรับคำวิงวอนจากท่าน และเนื่องจากอาดัมและลูกหลานของเขาทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การนำของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ฮิกมะฮ์ของการที่อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงดลใจให้พวกเขาถามอาดัมและคนอื่นที่ถัดจากท่านในตอนต้น แต่ไม่ได้ดลใจให้พวกเขาถามท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความประเสริฐของท่านนบีมุฮัมมัด เพราะเขาคือ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในวันกิยามะฮ์และเป็นผู้ที่ใกล้ชิดที่สุดกับอัลลอฮ์
ศาสนบัญญัติกำหนดให้ผู้ที่ต้องการให้ผู้อื่นยื่นมือมาช่วยนั้น เขาจะต้องกล่าวถึงคุณลักษณะดี ๆ ของผู้ที่เราขอความช่วยเหลือ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและสร้างความประทับใจ ซึ่งจะช่วยให้การตอบรับหรือการช่วยเหลือเกิดขึ้นเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น
เป็นที่อนุญาติสำหรับผู้ที่ถูกขอให้ช่วยในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ ที่จะขอโทษในลักษณะที่ผู้ขอจะยอมรับได้ และเป็นสิ่งที่พึงกระทำที่จะแนะนำผู้ขอไปยังบุคคลที่คิดว่าสามารถช่วยเหลือได้ดีกว่า
อธิบายความน่าสะพรึงกลัวของสถานการณ์และความรุนแรงของการชุมนุมในวันกิยามะฮ์
ความอ่อนน้อมถ่อมตนของบรรดานบี เมื่อพวกเขานึกถึงอดีตของพวกเขา ด้วยการรู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะอยู่ในตำแหน่งตรงนี้ได้
ยืนยันถึงการมีอยู่ของการขอความช่วยเหลือครั้งใหญ่ที่สุด(อัชชะฟาอะคุลอุสมา)ในวันฟื้นคืนชีพ ซึ่งเป็นการแยกระหว่างบรรดาสิ่งถูกสร้าง
ยืนยันการมีอยู่ของสื่อกลางและตำแหน่งอันน่ายกย่องของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
การสรรเสริญต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา นั้นไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยเหตุนี้อัลลอฮ์จึงทรงเปิดโอกาสให้เราะสูลของพระองค์ ได้กล่าวคำสรรเสริญที่งดงามต่อพระองค์ในสถานการณ์นี้ ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดก่อนหน้าท่านได้รับเช่นนี้
เป็นการอธิบายว่าประชาชาติของมูฮัมหมัดเป็นประชาชาติที่ดีที่สุด พวกเขามีลักษณะพิเศษในการเข้าสู่สวรรค์ โดยมีผู้ที่ไม่ต้องคิดบัญชีแก่พวกเขาเข้าประตูสวรรค์เฉพาะพวกเขา และคนอื่นๆ มีส่วนร่วมในประตูที่เหลือ
التصنيفات
ชีวิตแห่งโลกอาคิเราะฮ์