1- ผู้ใดที่ถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนด้วยความศรัทธามั่นและหวังในผลบุญ เขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปของเขาที่ผ่านมา

2- “ผู้ใดที่ลุกขึ้น(ละหมาดและประกอบอิบาดะฮ์)ในคืนลัยละตุลก็อดร์ ด้วยความศรัทธามั่นและหวังในผลบุญ เขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปของเขาที่ผ่านมา

3- “อิสลามถูกสร้างขึ้นบนหลักห้าประการ

4- อัลลอฮ์ตรัสว่า: ทุก ๆ การงานของลูกหลานอาดัมนั้นเป็นของเขา ยกเว้นการถือศีลอด เพราะว่ามันสำหรับฉันและฉันจะตอบแทนมันเอง

5- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะจริงจังอย่างหนักในช่วงสิบคืนสุดท้ายในแบบที่เขาไม่เคยจริงจังอย่างหนักในครั้งอื่นใด

6- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แนะนำให้ฉันทำสามสิ่ง: การถือศีลอดสามวันของทุกๆ เดือน การละหมาดสองร็อกอะฮ์ของการละหมาดฏูฮา และการละหมาดวิตรก่อนนอน

7- เมื่อพวกท่านได้เห็นมัน(จันทร์เสี้ยว) พวกท่านก็จงถือศีลอด และเมื่อพวกท่านได้เห็นมัน(จันทร์เสี้ยว) พวกท่านก็จงละถือศีลอด(ออกอีด) แต่ถ้าหากมีเมฆปกคลุม(เป็นเหตุให้พวกท่านไม่สามารถมองเห็น) ก็ให้พวกท่านนับเดือนนั้นให้ครบ 30 วัน

8- “ ผู้ใดที่สามารถมีความพร้อมในการแต่งงานได้ก็จงแต่งงานเถิด เพราะมันช่วยลดสายตา (จากการมองสิ่งที่ต้องห้าม) และปกป้องอวัยวะเพศได้ดี และผู้ใดที่ไม่สามารถก็ให้ถือศีลอด เพราะการถือศีลอดจะเป็นเกราะป้องกันสำหรับเขา

9- “ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นคนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่สุด และท่านจะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่สุดในเดือนเราะมะฎอน เมื่อยามที่ท่านพบกับญิบรีล

10- ฉันคือดิมาม บิน ษะละบะฮ์ จากพี่น้องของบนูสะอัด บิน บักร์

11- ฉันถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ แล้วฉันก็พูดว่า: ทำไมผู้หญิงที่มีประจำเดือนจึงต้องถือศีลอดชด แต่ไม่ต้องละหมาดชด?

12- แท้จริง ในสวรรค์นั้นมีประตูหนึ่งมีชื่อเรียกว่า อัร-ร็อยยาน ในวันกิยามะฮ์ผู้ถือศีลอดจะเข้าสวรรค์จากประตูนี้ ไม่มีผู้ใดเลยได้เข้าจากประตูนี้นอกจากพวกเขา

13- บ่าวคนใดที่ถือศีลอดหนึ่งวันในหนทางของอัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะทรงให้ใบหน้าของเขาห่างไกลจากไฟนรกมีระยะห่างถึง 70 ปี

14- มนุษย์ยังคงอยู่ในความดีตราบใดที่พวกเขารีบเร่งในการละศีลอด

15- เราทานอาหารซะฮูรร่วมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากนั้นท่านนบีก็ลุกขึ้นขึ้นเพื่อไปละหมาด ฉันกล่าวว่า: ระหว่างการอาซานและการทานซะฮูรนั้นมีระยะเวลาห่างกันเท่าใด? ท่านนบีตอบว่า : ประมาณห้าสิบโองการ

16- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะปลีกตัวออกไป(เอี๊ยะติกาฟ)ในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน จนกระทั่งท่านเสียชีวิต หลังจากนั้นบรรดาภรรยาของท่านก็ได้ทำการปลีกตัว(เอี๊ยะติกาฟ)หลังจากท่านด้วย

17- พวกเจ้าทั้งหลายจงรับประทานอาหารซะฮูรเถิด เพราะว่ามันมีความจำเริญอยู่ในนั้น

18- อย่าถือศีลอดก่อนเดือนรอมฎอนด้วยการถือศีลอดหนึ่งหรือสองวัน เว้นแต่ผู้ที่ถือศีลอดเป็นประจำ ให้เขาถือศีลอดได้

19- ผู้ใดที่ลืมขณะถือศีลอด แล้วกินหรือดื่ม ก็ให้เขาถือศีลอดต่อไปให้ครบถ้วน เพราะแท้จริงอัลลอฮ์ได้ประทานอาหารและเครื่องดื่มแก่เขา

20- ข้าพเจ้าได้ร่วมละหมาดอีดกับท่านอุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏ็อบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านกล่าวว่า: "มีสองวันที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ห้ามการถือศีลอด: วันแรกคือวันที่พวกท่านละศีลอดจากการถือศีลอดของพวกท่าน (วันอีดุลฟิฏรฺ) และอีกวันหนึ่งคือวันที่พวกท่านกินจากการเชือดพลีของพวกท่าน (วันอีดุลอัฎฮา)

21- “จงแสวงหาลัยละตุลก็อดร์ในคืนเลขคี่ของสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน”

22- ฉันเห็นความฝันของพวกเจ้าว่า มันจะเกิดขึ้นในเจ็ดคืนสุดท้าย ดังนั้นใครก็ตามที่แสวงหาเรื่องนี้ ควรแสวงหามันในเจ็ดคืนสุดท้าย”

23- เมื่อสิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน มาถึง ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) จะทำให้ค่ำคืนมีชีวิตชีวา (ด้วยการอิบาดะฮ์) จะปลุกคนในครอบครัวของท่าน (ให้ตื่นขึ้นมาทำอิบาดะฮ์)และจะพยายามอย่างจริงจัง (ในอิบาดะฮ์) และรัดผ้านุ่งของท่านให้แน่นกระชับ(เอาจริงเอาจังและปลีกตัวออกมาจากการร่วมหลับนอนกับภรรยา)

24- ผู้ที่ถือศีลอดตลอดทั้งปีจะไม่ได้รับผลบุญของการถือศีลอดที่สมบูรณ์แบบ แต่การถือศีลอดเพียงสามวันในหนึ่งเดือนเทียบเท่ากับการถือศีลอดตลอดทั้งปี”

25- “เมื่อเราะมาฎอนมาถึง ประตูสวรรค์จะถูกเปิด ประตูนรกจะถูกปิด และมารร้ายจะถูกล่ามโซ่”