1- “แท้จริงอัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงหึงหวง และแท้จริงผู้ศรัทธาก็หึงหวง และความหึงหวงของอัลลอฮ์ ตะอาลา จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ศรัทธากระทำสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามเขา”

2- อัลลอฮ์ได้ทรงบันทึกความดีและความชั่ว แล้วพระองค์ได้ทรงอธิบายสิ่งดังกล่าว ดังนั้นผู้ใดที่ตั้งใจจะทำความดี แต่ไม่ได้ลงมือทำความดีนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นหนึ่งความดีเต็มๆ และหากเขาตั้งใจจะทำความดี แล้วได้ลงมือทำความดีนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นความดีสิบเท่าถึงเจ็ดร้อยเท่า หรืออีกหลายๆ เท่า และผู้ใดที่ตั้งใจจะทำความชั่ว แต่ไม่ได้ลงมือทำความชั่วนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นหนึ่งความดีเต็มๆ และหากเขาตั้งใจจะทำความชั่ว แล้วได้ลงมือทำความชั่วนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้เป็นหนึ่งความชั่ว

3- แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงมองที่รูปร่างหน้าตาหรือความมั่งคั่งของพวกเจ้า แต่พระองค์จะทรงมองที่จิตใจและการกระทำของพวกเจ้า

4- โอ้ บ่าวของข้าทั้งหลาย แท้จริงข้าได้ทำให้การอธรรมเป็นที่ต้องห้ามแก่ตัวข้าเอง และข้าได้ทำให้มันเป็นที่ต้องห้ามระหว่างพวกเจ้าด้วย ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่าได้อธรรมต่อกัน

5- แท้จริงอัลลอฮ์จะประวิงเวลาให้กับผู้ที่อธรรม จนเมื่อพระองค์จัดการกับเขา พระองค์จะไม่ให้เขาเล็ดลอดไปได้

6- “บรรดาผู้มีความเมตตาจะได้รับความเมตตาจากพระผู้ทรงเมตตา จงเมตตาต่อผู้ที่อยู่ในแผ่นดิน ผู้ที่อยู่บนท้องฟ้าจะเมตตาพวกเจ้า

7- พระผู้อภิบาลของเรา จะเสด็จลงมาสู่ชั้นฟ้าดุนยา ในช่วงเวลา หนึ่งส่วนสามสุดท้ายของกลางคืน

8- “จงพยายามทำให้ใกล้เคียงกับความถูกต้องมากที่สุดและทำให้ตรงเถิด และจงรู้ไว้ว่าไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเจ้าจะรอดพ้น(จากการลงโทษของพระเจ้า)ด้วยการงานของพวกเขา” พวกเขากล่าวว่า “โอ้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แม้กระทั่งท่านกระนั้นหรือ?” ท่านนบีกล่าวว่า: “ฉันก็เช่นกัน เว้นแต่พระเจ้าจะประทานความเมตตาและความกรุณาแก่ฉัน”

9- ข้าอยู่กับความนึกคิดของบ่าว และข้าอยู่กับเขาเมื่อเขารำลึกถึงข้า

10- บ่าวคนหนึ่งจะไม่ปิดบัง(การงานที่ไม่ดีของ)บ่าวอีกคน เว้นแต่อัลลอฮ์ได้ปิดบังความชั่วของเขาในวันกิยามะฮ์

11- แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงดี พระองค์ไม่ทรงรับสิ่งใดนอกจากที่ดี ๆ และแท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงกำชับให้ผู้ศรัทธา (เช่นเดียวกัน) กับพระองค์ทรงกำชับบรรดาเราะซูล

12- 'โอ้ ลูกหลานอาดัมเอ๋ย! ตราบใดที่เจ้ายังคงวิงวอนและคาดหวังจากข้า ข้าจะอภัยให้เจ้าในสิ่งที่มีอยู่ในตัวเจ้า และข้าไม่ถือสาอะไรเลย

13- ลูกหลานอาดัมได้ปฏิเสธฉัน โดยที่เขาไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น และเขาได้ดูหมิ่นฉัน โดยที่เขาไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น

14- ผู้ใดที่เป็นศัตรูกับคนรักของข้า แท้จริงข้าได้ประกาศสงครามกับเขา และไม่มีสิ่งใดที่บ่าวของข้าได้ปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้าที่ข้าจะรักยิ่งไปกว่าสิ่งที่ข้าได้กำหนดเป็นศาสนบังคับ(ฟัรฎู)เหนือเขา

15- “ไม่มีใครในหมู่พวกท่านทั้งหลายนอกจากจะต้องพูดคุยกับอัลลอฮ์ โดยไม่มีการแปลความหมายระหว่างเขากับพระองค์

16- เมื่อท่านเข้าไปในมัสยิด ท่านนบีกล่าวว่า: “ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ผู้ทรงฤทธานุภาพ และด้วยพระพักตร์อันสูงส่งของพระองค์ และในอำนาจนิรันดร์ของพระองค์ จากชัยฏอนผู้ถูกสาปแช่ง ”

17- แท้จริง อัลลอฮ์จะตรัสแก่บรรดาชาวสวรรค์ว่า "โอ้ ชาวสวรรค์ทั้งหลาย" พวกเขาจะตอบว่า "ขอสนองรับโองการพระองค์ท่าน ความดีงามทั้งหมดอยู่ในสองมือของพระองค์แล้ว" แล้วพระองค์ก็มีตรัสว่า "พวกเจ้าพอใจแล้วหรือยัง?" พวกเขาต่างตอบว่า "พวกเราไม่พอใจได้อย่างไรละ ในเมื่อพระองค์ท่านได้ให้แก่พวกเราในสิ่งที่พระองค์ท่านไม่เคยให้แก่ผู้อื่นใดเลยในบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงสร้างทั้งหมด

18- แท้จริง อัลลอฮ์จะไม่อธรรมต่อผู้ศรัทธาแม้จะเป็นความดีแค่หนึ่งเดียว โดยพระองค์จะตอบแทนให้บนโลกนี้ และให้การตอบแทนในวันอาคิเราะฮ์

19- “อัลลอฮ์จะทรงกำแผ่นดินและทรงม้วนชั้นฟ้าทั้งหลายด้วยมือขวาของพระองค์ แล้วพระองค์จะตรัสว่า “ฉันคือกษัตริย์ บรรดากษัตริย์ในโลกนี้อยู่ที่ไหน?

20- พระองค์ผู้ทรงให้พวกเขาสามารถเดินด้วยเท้าได้บนโลกดุนยานี้ จะไม่ทรงสามารถทำให้พวกเขาเดินด้วยใบหน้าในวันกิยามะฮ์ได้อย่างนั้นหรือ?

21- “สถานที่ที่อัลลอฮ์ชื่นชอบมากที่สุดคือมัสยิด และสถานที่ที่อัลลอฮ์เกลียดชังมากที่สุดคือตลาด”

22- “แท้จริงมีคุณสมบัติสองประการในตัวเจ้าที่อัลลอฮ์ทรงรัก นั่นคือ: ความอ่อนโยนและความอดทน”

23- เมื่ออัลลอฮ์ทรงรักบ่าวคนหนึ่ง อัลลอฮ์ได้เรียกญิบรีลแล้วบอกว่า อัลลอฮ์ทรงมีความรักต่อคนผู้นี้ ดังนั้นเจ้าจงมีความรักต่อเขาเช่นกัน ญิบรีล

24- พระเจ้าทรงเมตตาปวงบ่าวของพระองค์มากกว่าผู้หญิงคนนี้ต่อลูกของเธอ

25- แท้จริงอัลลอฮ์ ผู้ทรงเกียรติ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ พระองค์ไม่ทรงหลับ และไม่สมควรแก่พระองค์ที่จะทรงหลับ