إعدادات العرض
1- ผู้ใดที่ลืมขณะถือศีลอด แล้วกินหรือดื่ม ก็ให้เขาถือศีลอดต่อไปให้ครบถ้วน เพราะแท้จริงอัลลอฮ์ได้ประทานอาหารและเครื่องดื่มแก่เขา
2- ข้าพเจ้าได้ร่วมละหมาดอีดกับท่านอุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏ็อบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านกล่าวว่า: "มีสองวันที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ห้ามการถือศีลอด: วันแรกคือวันที่พวกท่านละศีลอดจากการถือศีลอดของพวกท่าน (วันอีดุลฟิฏรฺ) และอีกวันหนึ่งคือวันที่พวกท่านกินจากการเชือดพลีของพวกท่าน (วันอีดุลอัฎฮา)
3- แท้จริง การกล่าวตัลบียะฮ์ ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือ «لَبَّيْكَ اللهُمَّ، لَبَّيْكَ، لَبَّيْكَ لَا شَرِيكَ لَكَ لَبَّيْكَ، إِنَّ الْحَمْدَ وَالنِّعْمَةَ لَكَ وَالْمُلْكَ لَا شَرِيكَ لَكَ» (มีความว่า) :“ โอ้อัลลอฮ์ ข้าพระองค์ได้ตอบสนองคำเรียกร้องของพระองค์ ข้าพระองค์ตอบสนองคำเรียกร้องของพระองค์ ด้วยการไม่ตั้งสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ แท้จริงการสรรเสริญ ความโปรดปรานและอำนาจเป็นของพระองค์ ไม่มีการตั้งสิ่งใดมาเป็นภาคีต่อพระองค์”
4- “จงแสวงหาลัยละตุลก็อดร์ในคืนเลขคี่ของสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน”
5- ฉันเห็นความฝันของพวกเจ้าว่า มันจะเกิดขึ้นในเจ็ดคืนสุดท้าย ดังนั้นใครก็ตามที่แสวงหาเรื่องนี้ ควรแสวงหามันในเจ็ดคืนสุดท้าย”
6- “มิใช่อัลลอฮ์หรอกหรือ ที่ได้ทรงทำให้พวกเจ้าสามารถที่จะทำศอดาเกาะห์ได้? นั่นก็เพราะว่าในทุกๆการกล่าวว่า “ซุบฮานัลลอฮ์” คือการทำศอดะเกาะห์ และทุกๆการกล่าวว่า “อัลลอฮุอักบัร” คือการทำศอดะเกาะห์ และทุกๆการกล่าวว่า “อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์” คือการทำศอดะเกาะห์ และทุกๆการกล่าวว่า “ลาอิลาฮะอิ้ลลัลลอฮ์” คือการทำศอดะเกาะห์ และการใช้กันให้ทำความดีคือการทำศอดะเกาะห์ และการห้ามปรามกันมิให้ทำความชั่ว คือการทำศอดะเกาะห์ และการมีเพศสัมพันธ์ของพวกท่าน(กับภรรยา) คือการทำศอดะเกาะห์”
7- แท้จริงแล้ว ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นผู้บริสุทธิ์จากผู้ที่ส่งเสียงร้องดังเมื่อเกิดภัยพิบัติ (อัล-ซอลิเกาะฮ์) ผู้ที่โกนผมเมื่อเกิดเหตุร้าย (อัล-หาลิเกาะฮ์) และ ผู้ที่ฉีกเสื้อผ้าของเขาเมื่อประสบภัยพิบัติ (อัล-ชาเกาะฮ์)
8- เมื่อสิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน มาถึง ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) จะทำให้ค่ำคืนมีชีวิตชีวา (ด้วยการอิบาดะฮ์) จะปลุกคนในครอบครัวของท่าน (ให้ตื่นขึ้นมาทำอิบาดะฮ์)และจะพยายามอย่างจริงจัง (ในอิบาดะฮ์) และรัดผ้านุ่งของท่านให้แน่นกระชับ(เอาจริงเอาจังและปลีกตัวออกมาจากการร่วมหลับนอนกับภรรยา)
9- ไม่มีครั้งใดที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ละหมาดหลังจากที่โองการ {إِذَا جَاءَ نَصْرُ اللَّهِ وَالفَتْحُ} {เมื่อความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์และชัยชนะมาถึง} [อัน-นะศ็อรฺ: 1] ถูกประทานลงมา เว้นแต่ท่านจะกล่าวในละหมาดนั้นว่า:«سُبْحَانَكَ رَبَّنَا وَبِحَمْدِكَ اللَّهُمَّ اغْفِرْ لِي» “มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของเรา และด้วยการสรรเสริญแด่พระองค์ โอ้อัลลอฮ์ ได้โปรดอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด'
10- “พระผู้เป็นเจ้าทรงสาปแช่งชาวยิวและคริสเตียนที่ยึดเอาหลุมศพของบรรดาศาสนฑูตของพวกเขาเป็นสถานที่สักการะ”
11- หนึ่งดีนาร์ที่เจ้าได้ใช้จ่ายมันในหนทางของอัลลอฮ์ หนึ่งดีนาร์ที่เจ้าใช้จ่ายในการปล่อยทาส และหนึ่งดีนาร์ที่เจ้าบริจาคทานให้แก่คนยากจน และหนึ่งดีนาร์ที่เจ้าจ่ายให้แก่ครอบครัวของเจ้า การบริจาคที่ผลบุญยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ ที่เจ้าได้จ่ายให้แก่ครอบครัวของเจ้า
12- ผู้ที่ถือศีลอดตลอดทั้งปีจะไม่ได้รับผลบุญของการถือศีลอดที่สมบูรณ์แบบ แต่การถือศีลอดเพียงสามวันในหนึ่งเดือนเทียบเท่ากับการถือศีลอดตลอดทั้งปี”
13- ผู้ใดที่เขามีสัตว์พลีที่จะเชือดทำอุฎฮียะฮ์ เมื่อเขาเห็นจันทร์เสี้ยวของเดือนซุลฮิจญะห์แล้ว ดังนั้นเขาจงอย่าได้ตัดผม(ขน) อย่าตัดเล็บของเขาจนกว่า จะเชือดสัตว์พลีของเขาเสร็จ
14- “เมื่อเราะมาฎอนมาถึง ประตูสวรรค์จะถูกเปิด ประตูนรกจะถูกปิด และมารร้ายจะถูกล่ามโซ่”
15- หากมนุษย์รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของผลบุญที่ได้จากการเรียกร้องสู่อะซานและการยืนในแถวแรกของการละหมาด แม้พวกเขาจำเป็นต้องจับสลากเพื่อได้โอกาสนั้น พวกเขาก็ยินดีทำเช่นนั้น
16- บุคคลเจ็ดประเภทที่อัลลอฮ์จะทรงให้ร่มเงาของพระองค์แก่พวกเขา ในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆนอกจากร่มเงาของพระองค์
17- รักษาการละหมาด และดูแลสิ่งที่มือขวาของพวกท่านครอบครอง