1- เมื่อน้ำมีปริมาณถึงสองกุลละฮ์ น้ำนั้น จะไม่รับความสกปรก

2- “เมื่อคนใดในหมู่พวกท่านตื่นจากการนอนของเขา เขาจงสูดน้ำเข้าจมูกเเล้วสั่งออก 3 ครั้ง เพราะเเท้จริงชัยฏอนมันนอนในโพรงจมูกของเขา”

3- มีชายคนหนึ่งทำการอาบน้ำละหมาด แต่เขาละส่วนหนึ่งจากเท้าของเขาเท่าปลายเล็บที่ไม่โดนน้ำ แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้เห็นสิ่งนี้และกล่าวว่า: "จงกลับไปและทำการอาบน้ำละหมาดใหม่ให้ดีขึ้น" เขาจึงกลับไปและทำการอาบน้ำละหมาดใหม่ จากนั้นเขาก็ได้ทำการละหมาด

4- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ชำระล้าง หรือท่านอาบน้ำด้วยด้วยน้ำ 1 ศออ์ หรืออาจถึง 5 มุด และท่านจะอาบน้ำละหมาดด้วยน้ำ 1 มุด

5- “ไม่มีมุสลิมคนใดที่อาบน้ำละหมาดอย่างดี แล้วยืนละหมาดสองร็อกอะฮ์ ด้วยความตั้งใจทั้งหัวใจและใบหน้า เว้นแต่ว่าสวรรค์นั้นเป็นที่รับประกันสำหรับเขา”

6- เมื่อคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าทำการอาบน้ำละหมาดและสวมถุงเท้าหนังของเขาทั้งสองข้าง เขาควรละหมาดด้วยสภาพที่สวมถุงเท้าหนังนั้นทั้งสองข้าง และลูบบนถุงเท้าเหล่านั้น แล้วอย่าถอดถุงเท้าออก ยกเว้นในกรณีที่มีญะนาบะฮ์

7- พวกเราเคยไม่ถือว่าสีขุ่นและสีเหลืองที่(หลั่งออกมา)หลังจากหมดประจำเดือนแล้ว เป็นเลือดประจำเดือนแต่อย่างใด

8- “เธอจงหยุด(ประกอบศาสนกิจ)ตามระยะเวลาการมีประจำเดือน(ปกติ)ของเธอ หลังจากนั้น เธอจงอาบน้ำ(ยกหะดัษ)”

9- การอาบน้ำในวันศุกร์เป็นสิ่งจำเป็น(วาญิบ)สำหรับผู้ที่บรรลุศาสนบัญญัติทุกคน และให้เขาทำความสะอาดฟันและใส่น้ำหอม หากเขามี(น้ำหอม)

10- ผู้หญิงอย่าได้เดินทางเป็นระยะทางสองวัน เว้นแต่จะมีสามีของเธอหรือมะห์ร็อมของเธออยู่ด้วย

11- สามเวลาที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ห้ามเราละหมาดหรือฝังผู้ตายของเราในระหว่างนั้น

12- “ผู้ใดก็ตามที่กล่าว เมื่อเขาได้ยินการเรียกร้อง(การอาซาน) ว่า: (อัลลอฮุมมา ร็อบบะฮาสิหิดดะฮ์ วะติดตามมะฮ์ วัศเศาะลา ติลกออิมะฮ์ อาติ มุฮัมมะดะนิล วะซีละฮ์ วัลฟะดีละฮ์ วับอัษหุ มะกอมัม มะห์มู ดะนิลละซี วะอัดตะฮ์) ความว่า "โอ้พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของการวิงวอนนี้(การอาซาน) และการละหมาดที่มั่นคง จงให้ได้มายังมูฮัมหมัดซึ่ง วาซีละห์(การใกล้ชิดพระองค์ หรือ ระดับชั้นในสวรรค์) และความประเสริฐเหนือผู้อื่น และจงให้เขาฟื้นคืนชีพในสถานที่ที่มีเกียรติ ที่พระองค์ทรงได้สัญญาไว้" เขาผู้นั้นจะได้รับการช่วยเหลือ(ชะฟาอะฮ์)จากฉันในวันโลกหน้า”

13- “คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าอย่าได้ทำการละหมาดด้วยผ้าผืนเดียว (โดยที่)บนบ่าของเขานั้นไม่มีอะไรเลย”

14- “เกิดอะไรขึ้นกับผู้คนที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในการละหมาด?” คำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เกี่ยวกับเรื่องนี้รุนแรงยิ่งขึ้น จนกระทั่งท่านได้กล่าวว่า “พวกเขาจงหยุดจากการกระทำนั้นเถิด มิเช่นนั้นสายตาของพวกเขาจะถูกพรากไปอย่างแน่นอน”

15- เมื่อเจ้าสุญูด จงวางมือทั้งสองของเจ้า และจงยกข้อศอกทั้งสองของเจ้า (ขึ้นจากพื้น)

16- ฉันได้ละหมาดร่วมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยท่านนบีได้ให้สลามทางด้านขวาของเขา และกล่าวว่า: (อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอ ฮิวะบาเราะกาตุฮ์) ความว่า “ขอความสันติสุข ความเมตตา และความจำเริญจากพระผู้เป็นเจ้าจงมีแด่ท่าน” และทางซ้ายของเขา ว่า: (อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮ์) ความว่า “ขอความสันติสุขและความเมตตาจากพระเจ้า จงประสบแด่ท่าน”

17- “ใครก็ตามที่กล่าวตัสบีห์ (สุบหานัลลอฮ์) หลังจากการละหมาดทุกเวลาสามสิบสามครั้ง และกล่าวตะห์มีด(อัลหัมดุลิลลาฮ์) สามสิบสามครั้ง และกล่าวตักบีร (อัลลอฮุอักบัร) สามสิบสามครั้ง ซึ่งทั้งหมดนั้นรวมเป็นเก้าสิบเก้าครั้ง และครบหนึ่งร้อยด้วยการที่เขากล่าวว่า: " لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ، لَهُ الْمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ คำอ่าน: "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮุ วะห์ดะฮู ลา ชะรีกะละฮ์, ละฮุลมุลกุ วะละฮุลหัมดุ วะฮุวา อะลา กุลลิชัยอิน เกาะดีร" เขาจะได้รับการอภัยโทษจากความผิดทั้งหลาย แม้มันจะมีมากเท่าฟองน้ำในท้องทะเลก็ตาม”

18- ใครก็ตามที่อ่านอายะฮ์กุรซีย์ทุกครั้งหลังละหมาดฟัรฎห้าเวลา ไม่มีอุปสรรคใดๆ สำหรับเขาที่จะได้เข้าสวรรค์ เว้นแต่ความตายเท่านั้น

19- หากคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าเกิดสงสัยในการละหมาดของเขา และเขาไม่รู้ว่าเขาได้ละหมาดไปกี่รอกะอะฮ์แล้ว สามหรือสี่ ก็จงละทิ้งสิ่งที่สงสัยนั้น และจงยึดสิ่งที่เขามั่นใจ แล้วจงสุญูดสองครั้ง ก่อนการให้สลาม

20- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ทิ้งสี่ร็อกอะห์ก่อนซุฮรี่และสองร็อกอะฮ์ก่อนรุ่งเช้า

21- “ผู้ใดรักษาละหมาดสี่ร็อกอะฮ์ก่อนซุฮรี่และสี่ร็อกอะฮ์หลังจากนั้น อย่างสม่ำเสมอ อัลลอฮ์จะทรงห้ามเขาจากไฟนรก”

22- แท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อ่านในร็อกอะฮ์ทั้งสองแห่งฟัจญ์ริ (ละหมาดซุนนะฮ์ก่อนละหมาดฟัจญ์ริ): (กุลยาอัยยุฮัลกาฟิรูน) ความว่า {จงกล่าวเถิด โอ้ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย} และ (กุลฮุวัลลอฮุอะหัด) ความว่า {จงกล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์คือ พระเจ้าหนึ่งเดียว}

23- การละหมาดญะมาอะฮ์นั้นดีกว่าการละหมาดคนเดียวด้วยกับยี่สิบห้าเท่าและเหล่าทูตสวรรค์ในยามค่ำคืนและเหล่าทูตสวรรค์ในตอนกลางวันก็รวมตัวกันในการละหมาดรุ่งอรุณ(ฟัจญ์ริ)

24- “แถวที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชายคือแถวแรก และแถวที่แย่ที่สุดคือแถวสุดท้าย และแถวที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงคือแถวสุดท้าย และแถวที่แย่ที่สุดคือแถวแรก”

25- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เห็นชายคนหนึ่งละหมาดอยู่คนเดียวหลังแถว จึงสั่งให้เขาละหมาดใหม่

26- “แท้จริง การละหมาดสองเวลา (คือ ฟะญัรและอิชาอ์) นี้ เป็นการละหมาดที่หนักที่สุดสำหรับพวกมุนาฟิก (คนหน้าไหว้หลังหลอก) และหากพวกท่านรู้ถึงคุณค่าของมัน พวกท่านจะมาละหมาดแม้จะต้องคลานมาก็ตาม

27- ปากกาถูกยกเว้นจากสามประเภท คือ จากผู้หลับจนเขาตื่น จากเด็กจนเขาฝันเปียก(บรรลุศาสนภาวะ) และจากคนบ้าจนกระทั่งเขามีสติ”

28- พวกเจ้าจงพยายามดิ้นรนต่อสู้กับพวกที่ตั้งภาคี ด้วยทรัพย์สิน ชีวิต และลิ้นของพวกเจ้า

29- การงานมี 6 ประเภท และมนุษย์นั้นมี 4 ประเภท และ 2 สิ่งที่จำเป็น ผลการตอบแทนที่เท่ากับการกระทำ และ 1 ความดีเท่ากับ 10 เท่าของมัน และ 1 ความดีเท่ากับ 700 เท่าของมัน

30- เมื่ออัลลอฮ์ได้กำหนดให้บ่าวคนใดคนหนึ่งเพื่อให้เสียชีวิตที่ใดสักที่หนึ่ง พระองค์จะกำหนดกิจกรรมอะไรสักอย่างเพื่อให้เขาต้องไปที่นั้น

31- ฉันคือดิมาม บิน ษะละบะฮ์ จากพี่น้องของบนูสะอัด บิน บักร์

32- “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะทำการอาบน้ำละหมาดทุกครั้งที่จะมีการละหมาด

33- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะทำการอาบน้ำละหมาด ด้วยการชำระทีละครั้ง ทีละครั้ง

34- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะทำการอาบน้ำละหมาด ด้วยการชำระทีละสองครั้ง ทีละสองครั้ง

35- ถ้าคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้ารู้สึกมีอะไรบางอย่างในท้องของเขา และสงสัยว่าเขาปล่อยลมออกมาหรือไม่ เขาไม่ควรออกจากมัสยิดเว้นแต่เขาจะได้ยินเสียงหรือได้กลิ่น”

36- “มุสลิมทุกคนจะต้องอาบน้ำในทุก ๆ เจ็ดวัน โดยเขาจะต้องชำระร่างกายและศีรษะของเขา”

37- ฉันได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะสัลลัม เพื่อเข้ารับอิสลาม ดังนั้นท่านก็ใช้ให้ฉันอาบน้ำด้วยน้ำและ(ผสมด้วย)ใบพุทรา

38- “เมื่อพวกเจ้าได้ยินผู้ที่ประกาศเรียกสู่การละหมาด ก็จงกล่าวตามอย่างที่เขากล่าว แล้วจงทำการเศาะละวาตต่อฉัน

39- ผู้ใดทำการสร้างมัสยิดหลังหนึ่งเพื่ออัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะสร้างให้แก่เขาหลังหนึ่งเท่ามัสยิดนั้นในสวรรค์

40- “การละหมาดในมัสยิดของฉันนี้ดีกว่าการละหมาดหนึ่งพันครั้งในที่อื่น ยกเว้นมัสยิดอัลหะรอม”

41- หากคนใดคนหนึ่งจากพวกท่านเข้าไปในมัสยิด เขาควรละหมาดสองร๊อกอะฮ์ก่อนที่จะนั่งลง

42- หากคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านต้องการเข้ามัสยิด ก็จงกล่าว"อัลลอฮุม มัฟตะห์ลี อับวาบะเราะห์มะติกะ" และหากต้องการออก ก็จงกล่าวว่า"อัลลอฮุมมะ อินนี อัสอะลุกะ มิน ฟัฎลิกะ

43- 'โอ้ บิลาล เอ๋ย จงอิกอมะฮ์เพื่อทำการละหมาดเถิด และเราได้พักผ่อนไปกับมัน'

44- โอ้มนุษย์เอ๋ย ที่ข้าได้ทำสิ่งนี้เพื่อให้พวกท่านปฏิบัติตามอิหม่าม และเรียนรู้ถึงวิธีการละหมาดของฉัน

45- “เมื่อพวกเจ้าต้องการละหมาด ก็จงจัดแถวให้ตรง และให้คนหนึ่งนำพวกเจ้าละหมาด และเมื่อเขากล่าวตักบีร พวกเจ้าก็จงกล่าวตักบีรตาม

46- ขอสาบานต่อผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริงฉันเป็นผู้ที่ใกล้เคียงที่สุดในหมู่พวกท่านด้านความคล้ายกับการละหมาดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นี่เป็นการละหมาดของท่านจนท่านจากโลกนี้ไป

47- การขโมยที่เลวร้ายที่สุดคือผู้ที่ขโมยการละหมาดของเขา" ฉันกล่าวว่า เขาขโมยละหมาดของเขาได้อย่างไร? ท่านตอบว่า: "เขาไม่ทำให้การรุกั๊วะและการสุญูดเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์

48- เมื่อท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขึ้นมาจากรุกูั๊วะ ท่านจะกล่าวว่า : "สะมิอัลลอฮุ ลิมัน หามิดะฮุ

49- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะกล่าวทุกครั้งหลังการละหมาดฟัรฎูเสร็จว่า

50- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวัสัลลัม จะกล่าวระหว่างสองสุญูด ว่า: " ร็อบบิฆฟิรลีย์ ร็อบบิฆฟิรลีย์"(ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้า โปรดอภัยโทษให้ข้าด้วยเถิด ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้า โปรดอภัยโทษให้ข้าด้วยเถิด)

51- นั่นคือชัยฏอนที่มีชื่อเรียกว่า คินซับ/คินซิบ หากท่านรู้สึกอย่างนั้น จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากมัน และถ่มน้ำลายไปทางซ้ายของเจ้า 3 ครั้ง

52- “เมื่อลูกหลานของอาดัมได้เสียชีวิต การงานของเขาจะถูกตัดขาดลงยกเว้นเพียงสามประการคือ การบริจาคทานที่ถาวร ความรู้ที่ยังประโยชน์ หรือบุตรที่ดีขอดุอาอ์ให้กับเขา”

53- โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ มารดาของสะอัดเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นการบริจาคที่เป็นกุศลอันใดที่ดีที่สุด ท่านนบีกล่าวว่า: “น้ำ” แล้วเขากล่าวว่า: ดังนั้นเขาจึงขุดบ่อน้ำแล้วกล่าวว่า: นี่สำหรับอุมม์สะอัด

54- ได้ถูกกำหนดระยะเวลาแก่เราในการตัดหนวด การตัดเล็บ การถอนขนรักแร้ การโกนขนลับ ห้ามไม่ให้เราปล่อยไว้เกินสี่สิบคืน

55- เมื่อเดือนเราะมะฎอนมาถึง ก็จงทำอุมเราะฮ์ เพราะการทำอุมเราะฮ์ในเดือนรอมะฎอนนั้นเทียบเท่ากับการทำฮัจญ์

56- โอ้ ท่านเราะซูลุลลอฮ์ พวกเราเห็นว่าการญิฮาด (การต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์) นั้นเป็นศาสนกิจที่ประเสริฐที่สุด ดังนั้น เราควรออกญิฮาดหรือไม่? ท่านตอบว่า "ไม่ แต่การญิฮาดที่ประเสริฐที่สุด คือฮัจญ์มับรูร”

57- เมื่ออัลลอฮ์ทรงรวบรวมผู้คนในยุคแรกและยุคหลังไว้ในวันกิยามะฮ์ จะถูกยกธงขึ้นสำหรับผู้ทรยศทุกคน และจะมีการกล่าวว่า: นี่คือการทรยศของคนนั้น ลูกของคนนั้น

58- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สั่งให้เราทำเจ็ดประการ และห้ามไม่ให้เราทำประการ

59- การเป็นยามหนึ่งวันในหนทางแห่งอัลลอฮ์นั้นดีกว่าโลกนี้และสิ่งที่อยู่ในนั้น

60- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ทำการเชือดอุฎฮียะฮ์ด้วยแกะสีดำปนขาวสองตัว ซึ่งมันทั้งสองมีเขาแล้ว โดยท่านได้เชือดมันทั้งสองด้วยมือของท่านเอง ท่านกล่าวบิสมิลลาฮ์และตักบีร เเละท่านได้วางเท้าของท่านลงบนลำคอของมันทั้งสอง

61- ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยเข้าไปในที่ขับถ่าย แล้วฉันกับเด็กชายอีกคนหนึ่งที่มีอายุใกล้เคียงกับฉันจะนำภาชนะใส่น้ำและไม้เท้าเล็ก ๆ ไปให้ท่าน แล้วท่านก็ใช้น้ำชำระล้างสิ่งสกปรก

62- “ครั้งหนึ่งฉันอยู่กับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากนั้นท่านก็ต้องการปัสสาวะ ท่านจึงไปบริเวณที่ทิ้งขยะและท่านก็ยืนปัสสาวะ

63- มหาบริสุทธิ์แด่พระเจ้า! ผู้ศรัทธาย่อมไม่เป็นนญิส (ไม่เป็นของไม่สะอาด)”

64- พวกเจ้าจงรีบเร่งจัดการและนำศพไปฝังเถิด เพราะถ้าผู้ตายเป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดี เขาจะได้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี แต่ถ้ามิได้เป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็จะได้วางความชั่วร้ายลงจากบ่าของพวกเจ้าเสียที

65- เราได้รับการห้ามไม่ให้ตามขบวนญะนาอิซ (ศพ) แต่ไม่ได้มีการกำชับ (ห้ามอย่างเด็ดขาด) แก่เรา

66- “ ผู้ใดที่เป็นผู้ปกครองของเด็กผู้หญิงเหล่านี้ ก็ให้เขาทำดีต่อพวกเขา พวกเขาจะเป็นผู้ปิดกั้นสำหรับเขาจากไฟนรก”

67- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮ์ อลัยฮิ วะสัลลัม ไม่ได้เข้มงวดกับการละหมาดสุนนะฮ์ใดมากไปกว่าการที่เขามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติละหมาดสองร็อกอะฮ์ก่อนละหมาดฟัจร์

68- ฉันถามท่านหญิงอาอิชะฮ์ แล้วฉันก็พูดว่า: ทำไมผู้หญิงที่มีประจำเดือนจึงต้องถือศีลอดชด แต่ไม่ต้องละหมาดชด?

69- มือบนดีกว่ามือล่าง

70- แท้จริง ในสวรรค์นั้นมีประตูหนึ่งมีชื่อเรียกว่า อัร-ร็อยยาน ในวันกิยามะฮ์ผู้ถือศีลอดจะเข้าสวรรค์จากประตูนี้ ไม่มีผู้ใดเลยได้เข้าจากประตูนี้นอกจากพวกเขา

71- “สถานที่ที่อัลลอฮ์ชื่นชอบมากที่สุดคือมัสยิด และสถานที่ที่อัลลอฮ์เกลียดชังมากที่สุดคือตลาด”

72- หากผู้ที่เดินผ่านหน้าผู้ที่ละหมาดอยู่ได้รู้ว่าบาปที่ประสบกับเขาคืออะไรเเล้วไซร้ เเน่นอนว่าการที่เขายืนอยู่กับที่เป็นเวลา 40 นั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขามากยิ่งกว่าการไปเดินผ่านหน้าเขา(ผู้ละหมาด)เสียอีก

73- “จงอาบน้ำละหมาดให้ทั่วถึง และจงซอกซอนระหว่างนิ้วมือ และสูดน้ำเข้าจมูกให้ลึก เว้นแต่ในขณะที่เจ้าอยู่ในสภาพถือศีลอด”

74- "แท้จริงไม่สมควรเลยที่จะมีผู้ใดลงโทษด้วยไฟ ยกเว้นพระเจ้าแห่งไฟเท่านั้น

75- “มัสยิดเหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับปัสสาวะหรือสิ่งสกปรกใดๆ เลย แต่มีไว้สำหรับการรำลึกถึงพระเจ้าผู้ทรงอำนาจ การละหมาด และการอ่านอัลกุรอาน”

76- แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ห้ามทำการชำระด้วยมูลสัตว์หรือกระดูก

77- แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อออกมาจากสถานที่ถ่ายทุกข์ ท่านจะกล่าวว่า: "غُفْرَانَكَ"(ขอพระองค์ทรงให้การอภัยโทษด้วยเถิด)

78- “คนใดจากพวกท่านอย่าชำระน้อยกว่าหินสามก้อน”

79- ผู้ที่ทำการอาซานนั้น จะเป็นคนที่คอที่ยาวที่สุดในวันปรโลก

80- จากซุนนะฮ์ เมื่อมุอัซซินกล่าวในช่วงรุ่งสาง ว่า "หัยยะอะลัลฟะลาห์" ความว่า “จงมาสู่ความสำเร็จเถิด” ให้เขากล่าวต่อ ด้วยว่า: "อัศเศาะลาตุ ค็อยรุม มินัลเนาว์" ความว่า "การละหมาดดีกว่าการนอนหลับ

81- วันกิยามะฮ์จะไม่มาถึง จนกว่าผู้คนจะออกมาอวดอ้างในมัสยิด

82- “ระหว่างทุก ๆ สองอะซาน มีการละหมาด ระหว่างทุก ๆ สองอะซาน มีการละหมาด” จากนั้นท่านก็กล่าวในครั้งที่สาม: “สำหรับผู้ที่ประสงค์”

83- จงทำฮัจญ์และอุมเราะห์ต่อไป เพราะการงานทั้งสองนี้ขจัดความยากจนและบาป เช่นเดียวกับที่เตาหลอมขจัดสิ่งสกปรกออกจากเหล็ก ทองคำและเงิน และสำหรับฮัจญ์มับรูรนั่น จะไม่มีการตอบแทนอันใดนอกจากสวรรค์

84- จะมีบางกลุ่มที่ต้องหยุดละเลยการละหมาดวันศุกร์ หรือไม่เช่นนั้นอัลลอฮ์จะตราประทับที่หัวใจของพวกเขา แล้วพวกเขาจะกลายเป็นผู้ที่หลงลืม

85- ผู้ที่ละเลยการเข้าร่วมละหมาดวันศุกร์ (สามครั้ง) โดยไม่ใส่ใจในความสำคัญของมัน อัลลอฮ์จะประทับตราที่หัวใจของเขา

86- เมื่อถึงยุคสุดท้ายจะมีผู้คนกลุ่มหนึ่งเป็นผู้คนอายุยังน้อย ความฉลาดก็ยังน้อย พวกเขาจะพูดถ้อยคำที่ดีที่สุดแห่งมนุษยชาติ พวกเขาจะออกไปจากอิสลามเหมือนลูกศรที่ออกไปจากธนู

87- ฉันรู้ว่าเจ้าเป็นหินที่ไม่เป็นอันตรายหรือเป็นประโยชน์แต่อย่างใด และหากฉันไม่เคยเห็นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้จูบเจ้า ฉันก็จะไม่จูบเจ้า

88- “เจ้าจงกลับไปละหมาดใหม่ เพราะแท้จริงแล้วเจ้ายังไม่ได้ละหมาด”

89- “หากบ่าวมุสลิม -หรือผู้ศรัทธา- อาบน้ำละหมาดและล้างหน้าของเขา ความผิดบาปทุกอย่างที่เขามองด้วยตาของเขาจะหายไปจากหน้าของเขาพร้อมกับน้ำ - หรือ ด้วยน้ำหยดสุดท้าย-

90- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้สอนเราในเรื่องของการละหมาดอิสติคอเราะฮ์ในเรื่องต่างๆ เหมือนดังเช่นที่ท่านสอนอัลกุรอานหนึ่งซูเราะฮ์ให้แก่พวกเรา

91- “โอ้ อบูสะอีด ผู้ใดที่พอใจกับอัลลอฮ์ในฐานะพระเจ้าของเขา อิสลามเป็นศาสนาของเขา และมูฮัมหมัดในฐานะศาสดาของเขา สวรรค์ย่อมเป็นที่แน่ชัดสำหรับเขา”

92- บ่าวคนใดที่ถือศีลอดหนึ่งวันในหนทางของอัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะทรงให้ใบหน้าของเขาห่างไกลจากไฟนรกมีระยะห่างถึง 70 ปี

93- มนุษย์ยังคงอยู่ในความดีตราบใดที่พวกเขารีบเร่งในการละศีลอด

94- ในขณะที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อยู่กับพวกเรา เราได้เคยออกซะกาตุลฟิตเราะห์ ให้เด็กและผู้ใหญ่ ผู้เป็นไทหรือเป็นทาส เป็นอาหาร(แป้ง)หนึ่งศออ์ หรือชีสเเข็งหนึ่งศออ์ หรือข้าวบาร์เลย์หนึ่งศออ์ หรือผลอินทผาลัมหนึ่งศออ์ หรือลูกเกดหนึ่งศออ์

95- เราทานอาหารซะฮูรร่วมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากนั้นท่านนบีก็ลุกขึ้นขึ้นเพื่อไปละหมาด ฉันกล่าวว่า: ระหว่างการอาซานและการทานซะฮูรนั้นมีระยะเวลาห่างกันเท่าใด? ท่านนบีตอบว่า : ประมาณห้าสิบโองการ

96- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะปลีกตัวออกไป(เอี๊ยะติกาฟ)ในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน จนกระทั่งท่านเสียชีวิต หลังจากนั้นบรรดาภรรยาของท่านก็ได้ทำการปลีกตัว(เอี๊ยะติกาฟ)หลังจากท่านด้วย

97- พวกเจ้าทั้งหลายจงรับประทานอาหารซะฮูรเถิด เพราะว่ามันมีความจำเริญอยู่ในนั้น

98- อย่าถือศีลอดก่อนเดือนรอมฎอนด้วยการถือศีลอดหนึ่งหรือสองวัน เว้นแต่ผู้ที่ถือศีลอดเป็นประจำ ให้เขาถือศีลอดได้

99- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กำหนดให้ซะกาตฟิฏริ เป็นอินทผลัมหนึ่งศออ์หรือจากข้าวบาร์เลย์หนึ่งศออ์ ทั้งผู้ที่เป็นทาสและเป็นไท ชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ ที่เป็นมุสลิม และท่านสั่งให้กระทำก่อนที่ผู้คนจะออกไปละหมาดอีด

100- ไม่อนุญาตให้สตรีมุสลิมเดินทางข้ามคืน เว้นแต่นางจะมีชายผู้เป็นผู้ปกครองสำหรับนางด้วย