1- “ผู้ที่ดูแลหญิงม่ายและคนขัดสน เสมือนกับผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์หรือเหมือนผู้ที่ยืนละหมาดในตอนกลางคืน และผู้ที่ถือศีลอดในตอนกลางวัน”

2- พวกเจ้าอย่าทำบ้านพวกเจ้าให้เป็นสุสาน และอย่าเอาสุสานของฉันเป็นเทศกาลชุมนุม และพวกเจ้าจงเศาะละวาต (ขอพรอันประเสริฐ) แก่ฉัน แท้จริง การเศาะละวาตของพวกเจ้าจะถึงไปยังฉัน ในทุกที่ที่พวกเจ้าอยู่

3- การละหมาดห้าเวลา และระหว่างวันศุกร์หนึ่งไปยังอีกวันศุกร์หนึ่ง และระหว่างเราะมะฎอนหนึ่งไปยังอีกเราะมะฎอนหนึ่ง จะลบล้างความผิดในช่วงระยะเวลาระหว่างนั้น หากว่าเขาออกห่างจากการทำบาปใหญ่

4- “ไม่ว่าจะมีสิ่งใดประสบกับมุสลิมจากความเหนื่อยล้า ความเจ็บปวด ความกังวล ความโศกเศร้า ภัยอันตราย และความทุกข์ยาก แม้กระทั่งหนามที่ตำเขา นอกจากอัลลอฮ์จะทรงลบล้างบาปของเขาด้วยเหตุผลนั้น”

5- แท้จริงสิ่งที่อนุมัติ (หะลาล) นั้นชัดเจนและสิ่งที่ต้องห้าม

6- “หากพวกเจ้ามอบหมายต่ออัลลอฮ์อย่างแท้จริง แน่นอน พระองค์จะทรงประทานปัจจัยยังชีพให้พวกเจ้า เหมือนที่พระองค์ทรงประทานให้กับนก โดยที่มันบินออกไปในตอนเช้าในสภาพที่ท้องว่างและกลับมาในตอนเย็นในสภาพที่ท้องอิ่ม”

7- เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้ทำบาปอย่างหนึ่ง แล้วเขากล่าวว่า โอ้อัลลอฮ์ ขอพระองค์โปรดอภัยโทษต่อความผิดของฉันด้วยเถิด

8- ทุก ๆ ความดีคือการเศาะดะเกาะฮ์ (การบริจาคทาน)

9- ผู้ที่ตัดสัมพันธ์กับเครือญาติเขาจะไม่ได้เข้าสวรรค์

10- “ผู้ใดที่อยากให้ปัจจัยยังชีพของเขาเพิ่มพูนและอายุขัยของเขายืนยาว ดังนั้น เขาจงรักษาสายสัมพันธ์ทางเครือญาติไว้”

11- การขอดุอาอ์คืออิบาดะฮ์

12- ไม่มีสิ่งใดที่มีเกียรติยิ่งสำหรับอัลลอฮ์มากกว่าการขอดุอาอ์

13- ผู้ใดที่กล่าว :"ซุบฮานัลลอฮิวะบิฮัมดิฮ์"(มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์ และด้วยการสรรเสริญแด่พระองค์) ในหนึ่งวันจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง ความผิดต่างๆ ของเขาจะถูกทำให้ร่วงหล่นลงไปแม้มันจะมากมายเช่นฟองน้ำในทะเลก็ตาม

14- ความว่า "ผู้ใดที่กล่าวว่า ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะห์ดะฮุ ลาชะรีกะละฮฺ, ละฮุลมุลกุ วะละฮุลหัมด์, วะฮุวะ อะลา กุลลิชัยอิน กอดีร (ความว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ สำหรับพระองค์คืออำนาจการครอบครองและมวลการสรรเสริญ และพระองค์ทรงมีเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง) จำนวนสิบครั้ง

15- ความว่า “บุคคลใดที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ที่จะให้เกิดความดีแก่เขา อัลลอฮฺจะทรงให้เขาเข้าใจในศาสนา

16- “ผู้ใดที่อ่านหนึ่งตัวอักษรจากคัมภีร์ของอัลลอฮฺ(อัลกุรอาน)เขาจะได้รับหนึ่งความดี และหนึ่งความดีนั้นจะเพิ่มทวีคูณเป็นสิบเท่า

17- ไม่มีบ่าวคนใดที่กล่าวคำปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุหัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺด้วยความเชื่อมั่นในใจของเขา เว้นแต่อัลลอฮฺจะทำให้เขาเป็นที่ต้องห้ามสำหรับนรก

18- แท้จริงสิทธิที่อัลลอฮ์ต้องได้รับจากบ่าว คือการเคารพสักการะต่อพระองค์เพียงผู้เดียว และไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ และสิทธิที่บ่าวจะได้รับจากอัลลอฮ์ก็คือการที่พระองค์ไม่ลงโทษผู้ที่ไม่ตั้งภาคีต่อพระองค์ด้วยสิ่งใดๆ

19- ผู้ใดเสียชีวิตโดยที่เขาไม่ได้ตั้งภาคีใดๆ ต่ออัลลอฮ์ เขาจะได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน และผู้ใดเสียชีวิตโดยที่เขาได้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ เขาจะได้เข้านรกอย่างแน่นอน

20- “แท้จริง อัลลอฮ์จะทรงเรียกชายคนหนึ่งจากประชาชาติของฉันออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายในวันกิยามะฮ์

21- พวกเจ้าจงยำเกรงต่ออัลลอฮ์ จงฟังและปฏิบัติตาม แม้ทาสจากชาวเอธิโอเปียเป็นผู้นำพวกเจ้าก็ตาม และหลังจากฉัน พวกเจ้าจะได้เห็นความขัดแย้งอย่างรุนแรง ดังนั้นพวกเจ้าจงปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของฉันและซุนนะฮ์ของบรรดาคอลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรม

22- “เมื่อมุอัซซิน (ผู้ประกาศเมื่อถึงเวลาละหมาด) กล่าวว่า "อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร"(อัลลอฮ์ผู้ยิ่งใหญ่) ดังนั้นคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าก็กล่าวตามว่า "อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร

23- “อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า: ฉันได้แบ่งการละหมาดระหว่างฉันและบ่าวของฉันออกเป็นสองส่วน และบ่าวของฉันจะได้รับตามที่เขาขอ

24- แท้จริงฉันไม่ต้องการขอคำสาบานจากพวกท่าน เพราะคิดไม่ดีต่อพวกท่านหรอก แต่มลาอิกะฮ์ญิบรออีลได้มาหาฉันและบอกฉันว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงอวดพวกท่านต่อหน้าเหล่าบรรดามลาอิกะฮ์

25- “เงินทองที่ดีที่สุดที่คนๆ หนึ่งจะใช้จ่ายมัน คือ เงินทองที่เขาใช้จ่ายมันให้กับครอบครัวของเขา และเงินทองที่เขาจ่ายมันไปให้กับพาหนะของเขาในหนทางของอัลลอฮ์ และเงินทองที่เขาจ่ายมันแก่พวกพ้องของเขาเพื่ออัลลอฮ์”

26- “ผู้ใดอุปการะเลี้ยงดูเด็กผู้หญิง 2 คนจนกว่าพวกเขาทั้ง 2 ได้บรรลุนิติภาวะ เขาและฉันจะอยู่ในวันกิยามะฮ์” และท่านก็ประสานนิ้วเข้าด้วยกัน

27- พวกท่านจะไม่ได้เข้าสวนสวรรค์จนกว่าพวกท่านจะศรัทธา และพวกท่านยังไม่มีศรัทธา (ที่แท้จริง) จนกว่าพวกท่านจะรักใคร่ปรองดองกัน พวกท่านต้องการไหม ถ้าฉันจะชี้แนะพวกท่านถึงบางสิ่งเมื่อพวกท่านปฏิบัติมันแล้วจะทำให้พวกท่านเกิดความรักใคร่ต่อกัน?(นั่นคือ) พวกท่านจงเผยแผ่สลามให้แก่กันในหมู่พวกท่าน

28- งานใดที่อัลลอฮ์รักมากที่สุด? ท่านตอบว่า “การละหมาดตามเวลาของมันที่กำหนดไว้” เขากล่าวว่า แล้วอะไรอีก? ท่านตอบว่า: “จากนั้นคือการทำความดีต่อพ่อแม่” เขากล่าวว่า: แล้วอะไรอีก? ท่านตอบว่า “การญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์”

29- “เรื่องลางร้ายเป็นการตั้งภาคี เรื่องลางร้ายเป็นการตั้งภาคี เรื่องลางร้ายเป็นการตั้งภาคี (สามครั้ง) และไม่มีใครในหมู่พวกเราที่ไม่คิดขึ้นในใจเกี่ยวกับเรื่องลางร้าย แต่ว่าอัลลอฮ์ทรงทำให้มันหายไปด้วยกับการมอบหมาย”

30- ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ หากอัลลอฮ์ทรงประทานทางสว่างแก่คนใด เนื่องจากการเชิญชวนของเจ้า มันจะดีสำหรับเจ้ายิ่งกว่าการที่เจ้าได้ครอบครองอูฐสีแดง”

31- พวกเจ้าจงยำเกรงต่อพระเจ้าของ​พวกเจ้า จงละหมาด​ให้ครบห้าเวลา จงถือศิลอดในเดือนของพวกเจ้า (เดือนเราะมาฎอน) จงจ่ายซะกาตทรัพย์สิน​ของ​พวกเจ้า และจงเชื่อฟัง​ผู้นำของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจะได้เข้าสวรรค์​ของพระเจ้าของ​พวกเจ้า

32- “พวกเจ้าต้องการให้ฉันแนะนำให้พวกเจ้ารู้ถึงการกระทำที่สามารถลบล้างบาปและยกระดับสถานะของพวกเจ้าหรือไม่?

33- “เอาไหม? ฉันจะแจ้งแก่พวกท่านถึงอะมัล(การงาน)ที่ดีที่สุดของพวกท่าน เป็นอะมัล(การงาน)ที่บริสุทธิ์ที่สุด ณ พระผู้อภิบาลของพวกท่าน เป็นอะมัลที่สูงส่งยิ่งสำหรับการยกระดับขั้นของพวกท่าน

34- ช่างน่าอัปยศ แล้วก็ช่างน่าอัปยศ แล้วก็ช่างน่าอัปยศจริงๆ มีคนถามว่า ใครหรือ? โอ้ ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ท่านกล่าวว่า "สำหรับผู้ที่ทันได้อยู่กับพ่อแม่ของเขาไม่ว่าจะคนหนึ่งคนใดหรือทั้งสองก็ตามในยามที่ท่านทั้งสองได้แก่เฒ่า แต่สุดท้ายเขาจะไม่ได้เข้าสวนสวรรค์เลย

35- เหล่าอัลมุฟัรริดูนได้รุกหน้าไปแล้ว

36- “ฉันได้พบกับอิบรอฮีมในคืนที่ฉันถูกพาตัวออกเดินทางในยามค่ำคืน และเขากล่าวว่า : โอ้ มุฮัมมัด โปรดกล่าวคำทักทายของฉันไปยังประชาชาติของท่านและบอกพวกเขาว่าสวรรค์นั้นมีดินดี น้ำใส

37- “หากท่านเป็นไปตามที่กล่าวมา ก็เหมือนกับท่านกำลังป้อนขี้เถ้าร้อนๆใส่ปากพวกเขา และจะยังคงมีการสนับสนุนจากอัลลอฮ์คอยช่วยท่านเหนือพวกเขาตราบใดที่ท่านยังคงดำเนินการเช่นนี้”

38- ไม่มีชนกลุ่มใดที่ลุกขึ้นมาจากการชุมนุมโดยที่พวกเขาไม่ได้รำลึกถึงอัลลอฮ์ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะลุกขึ้นเหมือนซากลา และมันจะเป็นความโศกเศร้าแก่พวกเขา

39- ให้ลิ้นของท่านเปียกชุ่มด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์

40- “โอ้มนุษยชาติ จงเผยแพร่สลาม จงให้อาหารแก่ผู้คน จงเชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติ และจงละหมาดในยามค่ำคืนขณะที่ผู้คนกำลังนอนหลับ แล้วพวกท่านจะเข้าสวรรค์อย่างสันติ”

41- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวกับอบูบักร์และอุมัร ว่า : “สองคนนี้ เป็นหัวหน้าของผู้ใหญ่แห่งชาวสวรรค์ ตั้งแต่ยุคแรกและยุคหลัง ยกเว้นบรรดาศาสดาและบรรดาศาสนทูต”

42- โอ้ ท่านเราะซูลลุลลอฮ์ ฉันไม่ทิ้งเลย แม้จะเป็นบาปเล็กหรือบาปใหญ่ นอกจากว่า ฉันจะทำมัน ท่านกล่าวว่า "เจ้าไม่ได้กล่าว คำปฏิญาณ "لا إله إلا الله محمد رسول الله " ดอกหรือ?

43- การงานมี 6 ประเภท และมนุษย์นั้นมี 4 ประเภท และ 2 สิ่งที่จำเป็น ผลการตอบแทนที่เท่ากับการกระทำ และ 1 ความดีเท่ากับ 10 เท่าของมัน และ 1 ความดีเท่ากับ 700 เท่าของมัน

44- แท้จริงส่วนหนึ่งของสัญญาณแห่งกาลอวสานนั้นคือ ความรู้จะถูกนำกลับไป และความโง่เขลาจะมาแทนที่ การละเมิดทางเพศจะแพร่ระบาด น้ำเมาจะถูกดื่มอย่างแพร่หลาย จำนวนผู้ชายจะลดน้อยลง จำนวนผู้หญิงจะเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งจำนวนผู้หญิงมีมากถึงห้าสิบคนที่มีผู้ดูแลหนึ่งคน

45- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวถึงบางสิ่ง และกล่าวว่า: "นั่นคือเวลาที่ความรู้จะหายไป

46- อย่าแสวงหาความรู้เพื่อโอ้อวดต่อหน้าบรรดาผู้รู้ หรือโต้เถียงกับคนโง่เขลา

47- อัลลอฮ์ได้เปรียบเทียบเส้นทางของพระองค์ที่เที่ยงตรง

48- มีคนใดในหมู่พวกท่านต้องการอูฐตัวเมียตั้งท้องตัวใหญ่อ้วนสามตัวเมื่อเขากลับไปหาครอบครัวของเขาบ้าง

49- จะมีการกล่าวแก่ผู้ที่อุทิศตนเพื่ออัลกุรอาน ว่า: จงอ่าน จงเลื่อนขึ้น และจงอ่านด้วยความใคร่ครวญอย่างที่เจ้าเคยอ่านในโลกนี้ เพราะแท้จริงสถานะของเจ้าขึ้นอยู่กับโองการสุดท้ายที่เจ้าอ่าน

50- ผู้ที่อ่านอัลกุรอานอย่างเปิดเผยก็เหมือนกับผู้ที่บริจาคอย่างเปิดเผยและผู้ที่อ่านอัลกุรอานอย่างลับ ๆ ก็เหมือนกับผู้ที่บริจาคทานอย่างลับ ๆ

51- พวกเขาจะรับฟังสิบโองการจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และจะยังไม่เลื่อนไปยังสิบโองการถัดไป จนกว่าพวกเขาจะเรียนรู้ ความรู้และการประยุกต์ใช้จากมัน

52- โอ้ อบุลมุนซิร ท่านรู้หรือไม่ว่าโองการใดในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ที่ท่านมีนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด” ฉันกล่าวว่า: {اللهُ لا إِلَهَ إِلا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ} [ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ : 255] จากนั้น ท่านก็ตบที่หน้าอกของฉันและกล่าวว่า: "ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ขอให้ความรู้เป็นที่พอใจสำหรับท่าน โอ้ อบุลมุนซิร

53- จงกล่าวว่า(لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ) "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์" และฉันจะเป็นพยานให้ท่านด้วยสิ่งนี้ในวันกิยามะฮ์

54- “เมื่อพวกเจ้าได้ยินผู้ที่ประกาศเรียกสู่การละหมาด ก็จงกล่าวตามอย่างที่เขากล่าว แล้วจงทำการเศาะละวาตต่อฉัน

55- นั่นคือชัยฏอนที่มีชื่อเรียกว่า คินซับ/คินซิบ หากท่านรู้สึกอย่างนั้น จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากมัน และถ่มน้ำลายไปทางซ้ายของเจ้า 3 ครั้ง

56- แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ทรงรับการงานใดๆ เว้นแต่ต้องบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ และและมุ่งหวังผลบุญจากพระองค์

57- “เมื่อลูกหลานของอาดัมได้เสียชีวิต การงานของเขาจะถูกตัดขาดลงยกเว้นเพียงสามประการคือ การบริจาคทานที่ถาวร ความรู้ที่ยังประโยชน์ หรือบุตรที่ดีขอดุอาอ์ให้กับเขา”

58- “หากบ่าวมุสลิม -หรือผู้ศรัทธา- อาบน้ำละหมาดและล้างหน้าของเขา ความผิดบาปทุกอย่างที่เขามองด้วยตาของเขาจะหายไปจากหน้าของเขาพร้อมกับน้ำ - หรือ ด้วยน้ำหยดสุดท้าย-

59- “มิใช่อัลลอฮ์หรอกหรือ ที่ได้ทรงทำให้พวกเจ้าสามารถที่จะทำศอดาเกาะห์ได้? นั่นก็เพราะว่าในทุกๆการกล่าวว่า “ซุบฮานัลลอฮ์” คือการทำศอดะเกาะห์ และทุกๆการกล่าวว่า “อัลลอฮุอักบัร” คือการทำศอดะเกาะห์ และทุกๆการกล่าวว่า “อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์” คือการทำศอดะเกาะห์ และทุกๆการกล่าวว่า “ลาอิลาฮะอิ้ลลัลลอฮ์” คือการทำศอดะเกาะห์ และการใช้กันให้ทำความดีคือการทำศอดะเกาะห์ และการห้ามปรามกันมิให้ทำความชั่ว คือการทำศอดะเกาะห์ และการมีเพศสัมพันธ์ของพวกท่าน(กับภรรยา) คือการทำศอดะเกาะห์”

60- ผู้ใดบรรเทาความทุกข์ร้อนประการหนึ่งของผู้ศรัทธาในโลกนี้ อัลลอฮ์จะทรงบรรเทาความทุกข์ร้อนประการหนึ่งจากความทุกข์ในวันกิยามะฮ์ให้แก่เขา

61- โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงกลับเนื้อกลับตัว (เตาบะฮฺ) ต่ออัลลอฮฺ เถิด เพราะแท้จริงฉัน กลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์วันละร้อยครั้ง

62- การอิบาดะฮ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เปรียบเสมือนการอพยพมายังฉัน

63- ไม่มีมุสลิมสองคนที่พบเจอกันแล้วจับมือสลามกัน เว้นแต่พวกเขาทั้งสองจะได้รับการอภัยโทษก่อนที่ทั้งสองจะแยกจากกัน

64- ขออัลลอฮ์ทรงให้ผู้ใดที่ได้ยินสิ่งใดจากเราและได้นำมันไปเผยแพร่ตามที่เขาได้ยินนั้น มีความรุ่งเรืองงดงาม เพราะบางทีผู้ที่ถ่ายทอดอาจเข้าใจได้ดียิ่งกว่าผู้ที่ได้ยินเอง

65- ฉันได้กล่าวว่า: “โอ้ ท่านรอซูลของอัลลอฮ์! ผู้ใดที่ฉันควรให้ความดีและปฏิบัติด้วยความกตัญญูมากที่สุด?” ท่านกล่าวว่า: “แม่ของเจ้า แล้วก็แม่ของเจ้า แล้วก็แม่ของเจ้า แล้วต่อด้วยพ่อของเจ้า แล้วจึงลำดับต่อไปยังผู้ที่ใกล้ชิดที่สุดตามลำดับ

66- หากมนุษย์รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของผลบุญที่ได้จากการเรียกร้องสู่อะซานและการยืนในแถวแรกของการละหมาด แม้พวกเขาจำเป็นต้องจับสลากเพื่อได้โอกาสนั้น พวกเขาก็ยินดีทำเช่นนั้น