1- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แนะนำให้ฉันทำสามสิ่ง: การถือศีลอดสามวันของทุกๆ เดือน การละหมาดสองร็อกอะฮ์ของการละหมาดฏูฮา และการละหมาดวิตรก่อนนอน

2- เมื่อพวกท่านได้เห็นมัน(จันทร์เสี้ยว) พวกท่านก็จงถือศีลอด และเมื่อพวกท่านได้เห็นมัน(จันทร์เสี้ยว) พวกท่านก็จงละถือศีลอด(ออกอีด) แต่ถ้าหากมีเมฆปกคลุม(เป็นเหตุให้พวกท่านไม่สามารถมองเห็น) ก็ให้พวกท่านนับเดือนนั้นให้ครบ 30 วัน

3- เจ้าจงละทิ้งสิ่งที่ทำให้เจ้าเกิดความสงสัย (ว่าเป็นสิ่งที่ศาสนาอนุมัติให้หรือไม่) ไปสู่สิ่งที่จะไม่ทำให้เจ้าเกิดความสงสัย เพราะความสัจจริงคือความมั่นใจ ส่วนความมุสาคือความคลางแคลงใจ

4- การละหมาดของชายคนหนึ่งที่เป็นญะมาอะฮ์ ผลบุญจะทวีคูณกว่าการละหมาดของเขาที่ตลาดและบ้านของเขาถึงยี่สิบกว่าเท่า

5- ถ้าหากผู้คนได้รับสิ่งที่ตนเรียกร้องตามคำกล่าวอ้าง คงจะมีชายจำนวนมากอ้างสิทธิในทรัพย์สินและชีวิตของผู้อื่น แต่สิ่งที่จำเป็นคือหลักฐานจะต้องมีสำหรับผู้ที่กล่าวอ้าง และการสาบานจะต้องทำโดยผู้ที่ปฏิเสธ

6- “ผู้ใดที่กินกระเทียมหรือหัวหอม ก็ให้เขาแยกตัวออกไป - หรือท่านกล่าวว่า: ให้เขาแยกตัวออกไป - จากมัสยิดของเราและอยู่บ้าน”

7- พวกเจ้าไม่เห็นหรอกหรือว่า หากมีลำธารไหลผ่านหน้าบ้านของพวกเจ้าคนหนึ่ง โดยที่เขาอาบน้ำชำระร่างกายในลำธารนั้นห้าครั้งต่อวัน เจ้าจะคิดอย่างไร จะมีสิ่งสกปรกติดอยู่อีกไหม?

8- พวกเจ้าจงใช้บรรดาลูกๆ ของพวกเจ้าให้ละหมาด เมื่อพวกเขามีอายุเจ็ดขวบ และพวกเจ้าจงตีพวกเขาหากพวกเขาไม่ละหมาด เมื่อพวกเขามีอายุสิบขวบและจงแยกห้องนอนระหว่างพวกเขา

9- แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ออกมายังพวกเรา แล้วพวกเราก็กล่าวว่า โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์ แท้จริงพวกเรารู้แล้วว่าวิธีการให้สลามแก่ท่านเป็นอย่างไร แต่พวกเรา(ไม่รู้ว่าวิธี)จะเศาะละวาตแก่ท่านอย่างไร?

10- การละหมาดนั้นใช้ไม่ได้สำหรับผู้ที่ไม่อ่านอัลฟาติหะฮ์

11- “ผู้ใดทำการอาบน้ำชำระล้างในวันศุกร์แล้วออกเดินทาง(ไปละหมาดวันศุกร์) ประหนึ่งว่าเขาได้บริจาคอูฐ

12- ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่วันศุกร์ได้มาถึงเขา ให้เขาทำการอาบน้ำ (ฆุซุล)

13- ผู้ใดที่อาบน้ำละหมาดอย่างดี และเดินไปสู่การละหมาดญุมุอะฮ์(วันศุกร์) ได้ฟังคุฏบะฮ์(การเทศนา) และได้ตั้งใจฟังอย่างดี เขานั้นก็จะถูกให้อภัยโทษระหว่างสองศุกร์ และเพิ่มอีกสามวัน

14- ผู้ใดที่ออกจากบ้านไปมัสยิดในตอนเช้าหรือตอนเย็น อัลลอฮ์จะทรงเตรียมที่พักในสวรรค์ให้แก่เขา ทุกครั้งที่เขาไปตอนเช้าหรือตอนเย็น

15- “โอ้มนุษยชาติ จงเผยแพร่สลาม จงให้อาหารแก่ผู้คน จงเชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติ และจงละหมาดในยามค่ำคืนขณะที่ผู้คนกำลังนอนหลับ แล้วพวกท่านจะเข้าสวรรค์อย่างสันติ”

16- พวกเจ้าทั้งหลายมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และเขาจะถูกสอบสวนเกี่ยวกับการปฎิบัติหน้าที่ของเขา

17- “ ผู้ใดที่สามารถมีความพร้อมในการแต่งงานได้ก็จงแต่งงานเถิด เพราะมันช่วยลดสายตา (จากการมองสิ่งที่ต้องห้าม) และปกป้องอวัยวะเพศได้ดี และผู้ใดที่ไม่สามารถก็ให้ถือศีลอด เพราะการถือศีลอดจะเป็นเกราะป้องกันสำหรับเขา

18- “พวกเจ้าจงระวังในการปะปนกับผู้หญิง” จากนั้นชายชาวอันศอรกล่าวว่า “โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ท่านว่าอย่างไรกับญาติของสามีที่เป็นผู้ชาย? ท่านตอบว่า “จงระวังญาติของสามีที่เป็นผู้ชายเสมือนระวังจากความตาย”

19- “ทองคำแลกทองคำเป็นดอกเบี้ย นอกจากต่างฝ่ายต่างรับกันไปในเวลานั้นเลย ข้าวสาลีแลกข้าวสาลีเป็นดอกเบี้ย นอกจากต่างฝ่ายต่างรับกันไปในเวลานั้นเลย ข้าวบาร์เลย์แลกข้าวบาร์เลย์เป็นดอกเบี้ย นอกจากต่างฝ่ายต่างรับกันไปในเวลานั้นเลย อินทผลัมแห้งแลกอินทผลัมแห้งเป็นดอกเบี้ย นอกจากต่างฝ่ายต่างรับกันไปในเวลานั้นเลย

20- ให้วางมือของเจ้าบนส่วนร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บแล้วจงกล่าวว่า : บิสมิลลาฮ์ (ความว่า:ด้วยพระนามของอัลลอฮ์) สามครั้ง แล้วกล่าวว่า:อะอูซุ บิลลาฮิ วะกุดเราะติฮี มิน ชัรริ มา อะญิดุ วะอุฮาซิรุ (ความว่า : ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์และอำนาจของพระองค์ จากความชั่วร้ายที่ฉันประสบและที่ฉันระแวดระวัง) เจ็ดครั้ง

21- “ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นคนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่สุด และท่านจะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่สุดในเดือนเราะมะฎอน เมื่อยามที่ท่านพบกับญิบรีล

22- คนหนึ่งคนใดจะไม่มีวันเข้านรก หากเขาได้ละหมาดก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและก่อนดวงอาทิตย์ตก

23- ไม่มีมุสลิมคนใดที่เมื่อเข้าเวลาละหมาดฟัรฎู แล้วเขาอาบน้ำละหมาดอย่างดี แล้วละหมาดอย่างมีสมาธิและรุกูอ์อย่างดี เว้นแต่การละหมาดนั้นจะลบล้างบาปที่ผ่านมา ตราบใดที่เขาไม่กระทำบาปใหญ่ ซึ่งความประเสริฐนี้จะมีอยู่ตลอดเวลา

24- มีบทซิกิรจำนวนหนึ่งซึ่งผู้ที่กล่าวบทซิกิรเหล่านั้นหลังจากละหมาดฟัรฎูทุกเวลาจะไม่ขาดทุน นั้นคือ กล่าวตัสบีห์ 33 ครั้ง กล่าวตะห์มีด 33 ครั้ง และกล่าวตักบีร 33 ครั้ง

25- ผู้ใดที่กล่าวในตอนที่เขาได้ยินผู้อาซาน ว่า (أَشْهَدُ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ، وَأَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُولُهُ، رَضِيتُ بِاللهِ رَبًّا وَبِمُحَمَّدٍ رَسُولًا، وَبِالْإِسْلَامِ دِينًا) เขาจะได้รับการอภัยโทษ

26- “ไม่มีเจ้าของทองและเจ้าของเงินคนใดที่ไม่ยอมจ่ายสิทธิของมัน(จ่ายซะกาต) เว้นแต่ในวันกิยามะฮ์จะมีแท่นหลายแท่นทำจากไฟนรก ถูกทำขึ้นสำหรับเขา

27- “ไม่มีใครในหมู่พวกท่านทั้งหลายนอกจากจะต้องพูดคุยกับอัลลอฮ์ โดยไม่มีการแปลความหมายระหว่างเขากับพระองค์

28- “น้ำของมันสะอาด และสัตว์(ทะเล)ที่ตายแล้วในนั้น เป็นที่อนุมัติ”

29- เมื่อน้ำมีปริมาณถึงสองกุลละฮ์ น้ำนั้น จะไม่รับความสกปรก

30- “เมื่อคนใดในหมู่พวกท่านตื่นจากการนอนของเขา เขาจงสูดน้ำเข้าจมูกเเล้วสั่งออก 3 ครั้ง เพราะเเท้จริงชัยฏอนมันนอนในโพรงจมูกของเขา”

31- มีชายคนหนึ่งทำการอาบน้ำละหมาด แต่เขาละส่วนหนึ่งจากเท้าของเขาเท่าปลายเล็บที่ไม่โดนน้ำ แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้เห็นสิ่งนี้และกล่าวว่า: "จงกลับไปและทำการอาบน้ำละหมาดใหม่ให้ดีขึ้น" เขาจึงกลับไปและทำการอาบน้ำละหมาดใหม่ จากนั้นเขาก็ได้ทำการละหมาด

32- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ชำระล้าง หรือท่านอาบน้ำด้วยด้วยน้ำ 1 ศออ์ หรืออาจถึง 5 มุด และท่านจะอาบน้ำละหมาดด้วยน้ำ 1 มุด

33- “ไม่มีมุสลิมคนใดที่อาบน้ำละหมาดอย่างดี แล้วยืนละหมาดสองร็อกอะฮ์ ด้วยความตั้งใจทั้งหัวใจและใบหน้า เว้นแต่ว่าสวรรค์นั้นเป็นที่รับประกันสำหรับเขา”

34- เมื่อคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าทำการอาบน้ำละหมาดและสวมถุงเท้าหนังของเขาทั้งสองข้าง เขาควรละหมาดด้วยสภาพที่สวมถุงเท้าหนังนั้นทั้งสองข้าง และลูบบนถุงเท้าเหล่านั้น แล้วอย่าถอดถุงเท้าออก ยกเว้นในกรณีที่มีญะนาบะฮ์

35- “โอ้บรรดาผู้หญิงทั้งหลาย พวกเธอจงบริจาคกันให้มากเถิด เพราะฉันเห็นว่าพวกเธอส่วนมากเป็นชาวนรก” พวกนางถามว่า: เพราะเหตุใดหรือ โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์? ท่านตอบว่า: “เพราะพวกเธอชอบสาปแช่ง และเนรคุณต่อสามี ฉันไม่เคยเห็นผู้มีสติปัญญาน้อยและศาสนาน้อยใดที่สามารถทำให้ผู้ชายที่มีความเด็ดขาดหลงใหลได้เท่ากับพวกเธอ”

36- พวกเราเคยไม่ถือว่าสีขุ่นและสีเหลืองที่(หลั่งออกมา)หลังจากหมดประจำเดือนแล้ว เป็นเลือดประจำเดือนแต่อย่างใด

37- “เธอจงหยุด(ประกอบศาสนกิจ)ตามระยะเวลาการมีประจำเดือน(ปกติ)ของเธอ หลังจากนั้น เธอจงอาบน้ำ(ยกหะดัษ)”

38- การอาบน้ำในวันศุกร์เป็นสิ่งจำเป็น(วาญิบ)สำหรับผู้ที่บรรลุศาสนบัญญัติทุกคน และให้เขาทำความสะอาดฟันและใส่น้ำหอม หากเขามี(น้ำหอม)

39- ผู้หญิงอย่าได้เดินทางเป็นระยะทางสองวัน เว้นแต่จะมีสามีของเธอหรือมะห์ร็อมของเธออยู่ด้วย

40- สามเวลาที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ห้ามเราละหมาดหรือฝังผู้ตายของเราในระหว่างนั้น

41- “ผู้ใดก็ตามที่กล่าว เมื่อเขาได้ยินการเรียกร้อง(การอาซาน) ว่า: (อัลลอฮุมมา ร็อบบะฮาสิหิดดะฮ์ วะติดตามมะฮ์ วัศเศาะลา ติลกออิมะฮ์ อาติ มุฮัมมะดะนิล วะซีละฮ์ วัลฟะดีละฮ์ วับอัษหุ มะกอมัม มะห์มู ดะนิลละซี วะอัดตะฮ์) ความว่า "โอ้พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของการวิงวอนนี้(การอาซาน) และการละหมาดที่มั่นคง จงให้ได้มายังมูฮัมหมัดซึ่ง วาซีละห์(การใกล้ชิดพระองค์ หรือ ระดับชั้นในสวรรค์) และความประเสริฐเหนือผู้อื่น และจงให้เขาฟื้นคืนชีพในสถานที่ที่มีเกียรติ ที่พระองค์ทรงได้สัญญาไว้" เขาผู้นั้นจะได้รับการช่วยเหลือ(ชะฟาอะฮ์)จากฉันในวันโลกหน้า”

42- “คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าอย่าได้ทำการละหมาดด้วยผ้าผืนเดียว (โดยที่)บนบ่าของเขานั้นไม่มีอะไรเลย”

43- “เกิดอะไรขึ้นกับผู้คนที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในการละหมาด?” คำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เกี่ยวกับเรื่องนี้รุนแรงยิ่งขึ้น จนกระทั่งท่านได้กล่าวว่า “พวกเขาจงหยุดจากการกระทำนั้นเถิด มิเช่นนั้นสายตาของพวกเขาจะถูกพรากไปอย่างแน่นอน”

44- เมื่อเจ้าสุญูด จงวางมือทั้งสองของเจ้า และจงยกข้อศอกทั้งสองของเจ้า (ขึ้นจากพื้น)

45- ฉันได้ละหมาดร่วมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยท่านนบีได้ให้สลามทางด้านขวาของเขา และกล่าวว่า: (อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอ ฮิวะบาเราะกาตุฮ์) ความว่า “ขอความสันติสุข ความเมตตา และความจำเริญจากพระผู้เป็นเจ้าจงมีแด่ท่าน” และทางซ้ายของเขา ว่า: (อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮ์) ความว่า “ขอความสันติสุขและความเมตตาจากพระเจ้า จงประสบแด่ท่าน”

46- “ใครก็ตามที่กล่าวตัสบีห์ (สุบหานัลลอฮ์) หลังจากการละหมาดทุกเวลาสามสิบสามครั้ง และกล่าวตะห์มีด(อัลหัมดุลิลลาฮ์) สามสิบสามครั้ง และกล่าวตักบีร (อัลลอฮุอักบัร) สามสิบสามครั้ง ซึ่งทั้งหมดนั้นรวมเป็นเก้าสิบเก้าครั้ง และครบหนึ่งร้อยด้วยการที่เขากล่าวว่า: " لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ، لَهُ الْمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ คำอ่าน: "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮุ วะห์ดะฮู ลา ชะรีกะละฮ์, ละฮุลมุลกุ วะละฮุลหัมดุ วะฮุวา อะลา กุลลิชัยอิน เกาะดีร" เขาจะได้รับการอภัยโทษจากความผิดทั้งหลาย แม้มันจะมีมากเท่าฟองน้ำในท้องทะเลก็ตาม”

47- ใครก็ตามที่อ่านอายะฮ์กุรซีย์ทุกครั้งหลังละหมาดฟัรฎห้าเวลา ไม่มีอุปสรรคใดๆ สำหรับเขาที่จะได้เข้าสวรรค์ เว้นแต่ความตายเท่านั้น

48- หากคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าเกิดสงสัยในการละหมาดของเขา และเขาไม่รู้ว่าเขาได้ละหมาดไปกี่รอกะอะฮ์แล้ว สามหรือสี่ ก็จงละทิ้งสิ่งที่สงสัยนั้น และจงยึดสิ่งที่เขามั่นใจ แล้วจงสุญูดสองครั้ง ก่อนการให้สลาม

49- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ทิ้งสี่ร็อกอะห์ก่อนซุฮรี่และสองร็อกอะฮ์ก่อนรุ่งเช้า

50- “ผู้ใดรักษาละหมาดสี่ร็อกอะฮ์ก่อนซุฮรี่และสี่ร็อกอะฮ์หลังจากนั้น อย่างสม่ำเสมอ อัลลอฮ์จะทรงห้ามเขาจากไฟนรก”

51- แท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อ่านในร็อกอะฮ์ทั้งสองแห่งฟัจญ์ริ (ละหมาดซุนนะฮ์ก่อนละหมาดฟัจญ์ริ): (กุลยาอัยยุฮัลกาฟิรูน) ความว่า {จงกล่าวเถิด โอ้ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย} และ (กุลฮุวัลลอฮุอะหัด) ความว่า {จงกล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์คือ พระเจ้าหนึ่งเดียว}

52- การละหมาดญะมาอะฮ์นั้นดีกว่าการละหมาดคนเดียวด้วยกับยี่สิบห้าเท่าและเหล่าทูตสวรรค์ในยามค่ำคืนและเหล่าทูตสวรรค์ในตอนกลางวันก็รวมตัวกันในการละหมาดรุ่งอรุณ(ฟัจญ์ริ)

53- “แถวที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชายคือแถวแรก และแถวที่แย่ที่สุดคือแถวสุดท้าย และแถวที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงคือแถวสุดท้าย และแถวที่แย่ที่สุดคือแถวแรก”

54- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เห็นชายคนหนึ่งละหมาดอยู่คนเดียวหลังแถว จึงสั่งให้เขาละหมาดใหม่

55- “แท้จริง การละหมาดสองเวลา (คือ ฟะญัรและอิชาอ์) นี้ เป็นการละหมาดที่หนักที่สุดสำหรับพวกมุนาฟิก (คนหน้าไหว้หลังหลอก) และหากพวกท่านรู้ถึงคุณค่าของมัน พวกท่านจะมาละหมาดแม้จะต้องคลานมาก็ตาม

56- หญิงใดก็ตามที่แต่งงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองของเธอ การแต่งงานนั้นเป็นโมฆะ (กล่าวซ้ำสามครั้ง) แต่หากฝ่ายชายได้หลับนอนกับเธอแล้ว มะฮัร (สินสอด) ยังคงเป็นสิทธิ์ของเธอในสิ่งที่เขาได้จากเธอ หากเกิดความขัดแย้งกัน ผู้ปกครองของผู้ที่ไม่มีผู้ปกครองคือผู้นำ

57- การสาปแช่งจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขาทางทวารหนัก

58- อัลลอฮ์จะไม่มองผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายหรือหญิงทางทวารหนัก

59- ฉันกล่าวว่า: โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ภรรยาของเราคนหนึ่งมีสิทธิอะไรเหนือเขา(สามี) เขากล่าวว่า “เจ้าจะต้องให้อาหารนางเมื่อเจ้ากินอาหาร และเจ้าต้องให้เสื้อผ้านางเมื่อเจ้ามีเสื้อผ้าใช้ หรือ เมื่อเจ้าสามารถหารายได้ได้ และไม่ตบหน้าเธอ และไม่กล่าวคำไม่ดีแก่เธอ และอย่าห่างเธอเว้นแต่อยู่ในบ้าน

60- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทรงสาปแช่งสตรีผู้ที่ต่อผม ผู้ที่ขอให้ทำการต่อผม สตรีผู้ที่สัก เเละผู้ที่ขอให้ทำการสัก

61- “ผู้ใดมีภรรยาสองคน แล้วเขาปฏิบัติด้วยการเอนเอียงไปทางภรรยาคนใดคนหนึ่ง เขาจะปรากฏในวันกิยามะฮ์ในสภาพที่เอียงข้าง”

62- “แท้จริงอัลลอฮ์ทรงมองข้ามเรื่องราวของประชาชาติของฉันในสิ่งที่พวกเขาคิดในใจ เว้นแต่พวกเขาจะกระทำหรือพูด”

63- ปากกาถูกยกเว้นจากสามประเภท คือ จากผู้หลับจนเขาตื่น จากเด็กจนเขาฝันเปียก(บรรลุศาสนภาวะ) และจากคนบ้าจนกระทั่งเขามีสติ”

64- ทุกสิ่งที่ทำให้มึนเมา คือ สุรา และทุกสิ่งที่ทำให้มึนเมาเป็นสิ่งที่หะรอม และใครก็ตามที่ดื่มสุราในโลกนี้และเสียชีวิตไปโดยที่เขาเป็นคนติดสุราและไม่กลับใจเตาบะฮ์ เขาจะไม่ได้ดื่มสุราในวันอาคิเราะฮ์

65- พวกเจ้าจงพยายามดิ้นรนต่อสู้กับพวกที่ตั้งภาคี ด้วยทรัพย์สิน ชีวิต และลิ้นของพวกเจ้า

66- การงานมี 6 ประเภท และมนุษย์นั้นมี 4 ประเภท และ 2 สิ่งที่จำเป็น ผลการตอบแทนที่เท่ากับการกระทำ และ 1 ความดีเท่ากับ 10 เท่าของมัน และ 1 ความดีเท่ากับ 700 เท่าของมัน

67- แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักการอนุโลมของพระองค์ถูกนำไปปฏิบัติ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงรักความตั้งมั่นของพระองค์ถูกนำไปปฏิบัติ

68- เมื่ออัลลอฮ์ได้กำหนดให้บ่าวคนใดคนหนึ่งเพื่อให้เสียชีวิตที่ใดสักที่หนึ่ง พระองค์จะกำหนดกิจกรรมอะไรสักอย่างเพื่อให้เขาต้องไปที่นั้น

69- ฉันคือดิมาม บิน ษะละบะฮ์ จากพี่น้องของบนูสะอัด บิน บักร์

70- “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะทำการอาบน้ำละหมาดทุกครั้งที่จะมีการละหมาด

71- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะทำการอาบน้ำละหมาด ด้วยการชำระทีละครั้ง ทีละครั้ง

72- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะทำการอาบน้ำละหมาด ด้วยการชำระทีละสองครั้ง ทีละสองครั้ง

73- ถ้าคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้ารู้สึกมีอะไรบางอย่างในท้องของเขา และสงสัยว่าเขาปล่อยลมออกมาหรือไม่ เขาไม่ควรออกจากมัสยิดเว้นแต่เขาจะได้ยินเสียงหรือได้กลิ่น”

74- “มุสลิมทุกคนจะต้องอาบน้ำในทุก ๆ เจ็ดวัน โดยเขาจะต้องชำระร่างกายและศีรษะของเขา”

75- ฉันได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะสัลลัม เพื่อเข้ารับอิสลาม ดังนั้นท่านก็ใช้ให้ฉันอาบน้ำด้วยน้ำและ(ผสมด้วย)ใบพุทรา

76- “เมื่อพวกเจ้าได้ยินผู้ที่ประกาศเรียกสู่การละหมาด ก็จงกล่าวตามอย่างที่เขากล่าว แล้วจงทำการเศาะละวาตต่อฉัน

77- ผู้ใดทำการสร้างมัสยิดหลังหนึ่งเพื่ออัลลอฮ์ อัลลอฮ์จะสร้างให้แก่เขาหลังหนึ่งเท่ามัสยิดนั้นในสวรรค์

78- “การละหมาดในมัสยิดของฉันนี้ดีกว่าการละหมาดหนึ่งพันครั้งในที่อื่น ยกเว้นมัสยิดอัลหะรอม”

79- หากคนใดคนหนึ่งจากพวกท่านเข้าไปในมัสยิด เขาควรละหมาดสองร๊อกอะฮ์ก่อนที่จะนั่งลง

80- หากคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านต้องการเข้ามัสยิด ก็จงกล่าว"อัลลอฮุม มัฟตะห์ลี อับวาบะเราะห์มะติกะ" และหากต้องการออก ก็จงกล่าวว่า"อัลลอฮุมมะ อินนี อัสอะลุกะ มิน ฟัฎลิกะ

81- 'โอ้ บิลาล เอ๋ย จงอิกอมะฮ์เพื่อทำการละหมาดเถิด และเราได้พักผ่อนไปกับมัน'

82- โอ้มนุษย์เอ๋ย ที่ข้าได้ทำสิ่งนี้เพื่อให้พวกท่านปฏิบัติตามอิหม่าม และเรียนรู้ถึงวิธีการละหมาดของฉัน

83- “เมื่อพวกเจ้าต้องการละหมาด ก็จงจัดแถวให้ตรง และให้คนหนึ่งนำพวกเจ้าละหมาด และเมื่อเขากล่าวตักบีร พวกเจ้าก็จงกล่าวตักบีรตาม

84- ขอสาบานต่อผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริงฉันเป็นผู้ที่ใกล้เคียงที่สุดในหมู่พวกท่านด้านความคล้ายกับการละหมาดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นี่เป็นการละหมาดของท่านจนท่านจากโลกนี้ไป

85- การขโมยที่เลวร้ายที่สุดคือผู้ที่ขโมยการละหมาดของเขา" ฉันกล่าวว่า เขาขโมยละหมาดของเขาได้อย่างไร? ท่านตอบว่า: "เขาไม่ทำให้การรุกั๊วะและการสุญูดเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์

86- เมื่อท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขึ้นมาจากรุกูั๊วะ ท่านจะกล่าวว่า : "สะมิอัลลอฮุ ลิมัน หามิดะฮุ

87- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะกล่าวทุกครั้งหลังการละหมาดฟัรฎูเสร็จว่า

88- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวัสัลลัม จะกล่าวระหว่างสองสุญูด ว่า: " ร็อบบิฆฟิรลีย์ ร็อบบิฆฟิรลีย์"(ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้า โปรดอภัยโทษให้ข้าด้วยเถิด ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้า โปรดอภัยโทษให้ข้าด้วยเถิด)

89- นั่นคือชัยฏอนที่มีชื่อเรียกว่า คินซับ/คินซิบ หากท่านรู้สึกอย่างนั้น จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากมัน และถ่มน้ำลายไปทางซ้ายของเจ้า 3 ครั้ง

90- “เมื่อลูกหลานของอาดัมได้เสียชีวิต การงานของเขาจะถูกตัดขาดลงยกเว้นเพียงสามประการคือ การบริจาคทานที่ถาวร ความรู้ที่ยังประโยชน์ หรือบุตรที่ดีขอดุอาอ์ให้กับเขา”

91- โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ มารดาของสะอัดเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นการบริจาคที่เป็นกุศลอันใดที่ดีที่สุด ท่านนบีกล่าวว่า: “น้ำ” แล้วเขากล่าวว่า: ดังนั้นเขาจึงขุดบ่อน้ำแล้วกล่าวว่า: นี่สำหรับอุมม์สะอัด

92- แท้จริงชื่อของพวกเจ้าที่เป็นที่รักยิ่ง ณ ที่อัลลอฮ์ คือ อับดุลลอฮ์ เเละ อับดุรเราะห์มาน

93- สิ่งใดก็ตามที่ทำให้มึนเมาในปริมาณมากของมัน ดังนั้นปริมาณเล็กน้อยของมันก็เป็นสิ่งต้องห้าม

94- ได้ถูกกำหนดระยะเวลาแก่เราในการตัดหนวด การตัดเล็บ การถอนขนรักแร้ การโกนขนลับ ห้ามไม่ให้เราปล่อยไว้เกินสี่สิบคืน

95- “ฉันไม่จับมือกับผู้หญิง คำพูดของฉันกับผู้หญิงร้อยคนก็เหมือนกับคำพูดของฉันกับผู้หญิงหนึ่งคน

96- เมื่อเดือนเราะมะฎอนมาถึง ก็จงทำอุมเราะฮ์ เพราะการทำอุมเราะฮ์ในเดือนรอมะฎอนนั้นเทียบเท่ากับการทำฮัจญ์

97- โอ้ ท่านเราะซูลุลลอฮ์ พวกเราเห็นว่าการญิฮาด (การต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์) นั้นเป็นศาสนกิจที่ประเสริฐที่สุด ดังนั้น เราควรออกญิฮาดหรือไม่? ท่านตอบว่า "ไม่ แต่การญิฮาดที่ประเสริฐที่สุด คือฮัจญ์มับรูร”

98- เมื่ออัลลอฮ์ทรงรวบรวมผู้คนในยุคแรกและยุคหลังไว้ในวันกิยามะฮ์ จะถูกยกธงขึ้นสำหรับผู้ทรยศทุกคน และจะมีการกล่าวว่า: นี่คือการทรยศของคนนั้น ลูกของคนนั้น

99- ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สั่งให้เราทำเจ็ดประการ และห้ามไม่ให้เราทำประการ

100- จงเอาทรัพย์สินของเขาตามสมควร ซึ่งเพียงพอสำหรับเจ้า และลูก ๆ ของเจ้า