อะกีดะฮฺ (หลักความเชื่อ)

อะกีดะฮฺ (หลักความเชื่อ)

21- อัลลอฮ์ได้ทรงบันทึกความดีและความชั่ว แล้วพระองค์ได้ทรงอธิบายสิ่งดังกล่าว ดังนั้นผู้ใดที่ตั้งใจจะทำความดี แต่ไม่ได้ลงมือทำความดีนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นหนึ่งความดีเต็มๆ และหากเขาตั้งใจจะทำความดี แล้วได้ลงมือทำความดีนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นความดีสิบเท่าถึงเจ็ดร้อยเท่า หรืออีกหลายๆ เท่า และผู้ใดที่ตั้งใจจะทำความชั่ว แต่ไม่ได้ลงมือทำความชั่วนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นหนึ่งความดีเต็มๆ และหากเขาตั้งใจจะทำความชั่ว แล้วได้ลงมือทำความชั่วนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้เป็นหนึ่งความชั่ว

23- อิสลาม คือ การที่ท่านกล่าวคำปฏิญานว่า “ลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ วะอันนะ มุหัมมะดัน เราะซูลุลลอฮ์” (แปลว่า ไม่มีพระเจ้าที่แท้จริง –ที่สมควรแก่การเคารพสักการะ- นอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น และมุหัมมัด คือ ศาสนฑูตของพระองค์) ดำรงการละหมาด จ่ายซะกาต ถือศีลอดในเดือนเราะมาฎอน และประกอบพิธีหัจญ์หากท่านมีความสามารถ

121- “ผู้ใดก็ตามที่กล่าว เมื่อเขาได้ยินการเรียกร้อง(การอาซาน) ว่า: (อัลลอฮุมมา ร็อบบะฮาสิหิดดะฮ์ วะติดตามมะฮ์ วัศเศาะลา ติลกออิมะฮ์ อาติ มุฮัมมะดะนิล วะซีละฮ์ วัลฟะดีละฮ์ วับอัษหุ มะกอมัม มะห์มู ดะนิลละซี วะอัดตะฮ์) ความว่า "โอ้พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของการวิงวอนนี้(การอาซาน) และการละหมาดที่มั่นคง จงให้ได้มายังมูฮัมหมัดซึ่ง วาซีละห์(การใกล้ชิดพระองค์ หรือ ระดับชั้นในสวรรค์) และความประเสริฐเหนือผู้อื่น และจงให้เขาฟื้นคืนชีพในสถานที่ที่มีเกียรติ ที่พระองค์ทรงได้สัญญาไว้" เขาผู้นั้นจะได้รับการช่วยเหลือ(ชะฟาอะฮ์)จากฉันในวันโลกหน้า”